Epson เปิดตัว “SureColor F-series” เครื่องพิมพ์ 6 สี เสริมแกร่งพอร์ตเครื่องพิมพ์สิ่งทอดิจิทัล

ล่าสุด Epson ผู้นำด้านตลาดเครื่องพิมพ์ระบบ Dye Sublimation ของเมืองไทย
ได้ทำการเปิดตัว “SureColor F-series” เครื่องพิมพ์ 6 สี เพื่อจับธุรกิจสิ่งทอและแฟชั่น และเน้นงานออนดีมานด์มากกว่าเดิม..

โดยการเปิดตัวเครื่องพิมพ์ครั้งนี้จะมาพร้อมหน้ากว้างงานพิมพ์ขนาด 44 นิ้วถึง 2 รุ่นได้แก่

-Epson SureColor SC-F6430 เครื่องระบบหมึกชนิดแพ็ค 4 สล็อต แบบติดตั้งในตัวเครื่อง ใช้ 4 สีหลัก CMYK

-Epson SureColor SC-F6430H เครื่องระบบหมึกชนิดแพ็ค 6 สล็อต ประกอบด้วย 4 สีหลัก และ 2 สีพิเศษ ที่ลูกค้าสามารถเลือกติดตั้งได้ตั้งแต่ตอนแรกซื้อให้ตรงกับความต้องการใช้งานและประเภทธุรกิจ เช่น

1.คู่หมึกพิมพ์สีชมพูสะท้อนแสงและสีเหลืองสะท้อนแสง เหมาะสำหรับเครื่องแต่งกายและชุดกีฬา หรือป้ายผ้าโฆษณา ที่ต้องการการมองเห็นได้ชัดเจนและดึงดูดความสนใจจากระยะไกล

2.คู่หมึกพิมพ์สีฟ้าอ่อนและสีม่วงแดงอ่อน เหมาะสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการไล่ระดับโทนสี แสดงรายละเอียดและคุณภาพของงานพิมพ์ได้ดียิ่งขึ้น เช่น ภาพถ่าย วอลล์เปเปอร์ ผ้าม่าน หรือผ้าปูที่นอน

3.คู่หมึกพิมพ์สีม่วงและสีส้ม ที่ช่วยขยายขอบเขตสีงานพิมพ์ให้ก้าวข้ามข้อจำกัดการพิมพ์ในอดีต ด้วยหมึกพิมพ์สีม่วงและสีส้มนี้ช่วยให้การพิมพ์มีความเสมือนจริงสดใส ตอบสนองตามจินตาการผู้ออกแบบได้เป็นอย่างดี เหมาะกับเครื่องแต่งกายแฟชั่น ของพรีเมี่ยม และของขวัญ

เครื่องพิมพ์ทั้งสองรุ่นจะสามารถรองรับธุรกิจงานพิมพ์สำหรับสิ่งทอ สินค้าแฟชั่น ของตกแต่งบ้าน ของที่ระลึก ป้ายโฆษณา และงานพิมพ์ภาพเกรดพรีเมี่ยมแบบออนดีมานด์ได้เป็นอย่างดี

โดยคุณยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท Epson (ประเทศไทย) จำกัด ได้บอกว่า
“การพิมพ์ระบบดิจิทัลกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายแวดวงอุตสาหกรรม”

ซึ่งจากการศึกษาของบริษัทวิจัยด้านการตลาดหลายแห่งพบว่าตลาดการพิมพ์สิ่งทอแบบดิจิทัลทั่วโลกมีมูลค่ามากถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 69,180 ล้านบาท) ในปี 2563

และคาดว่าจะสูงถึงราว 8 พันล้านเหรียญ (ราว 276,800 ล้านบาท) ภายในปี 2573 ด้วยอัตราเติบโตปีละราว ๆ 15%

นั่นก็เป็นเพราะการระบาดของโควิดที่เข้ามาดันให้ความต้องการเครื่องพิมพ์สิ่งทอระบบดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น

เริ่มตั้งแต่ในผู้ประกอบการที่เป็นโรงงานสิ่งทอ, โรงงานรับพิมพ์ลายผ้า, แต่ผู้บริการทำสื่อโฆษณาและงานพิมพ์อิงค์เจ็ท ไปจนถึงห้องเสื้อและดีไซเนอร์ ที่ก็ต่างหันมาลงทุนกับเทคโนโลยีด้านนี้กันมากขึ้น

ด้วยเหตุผลในเรื่อต้นทุน ทั้งด้านการใช้น้ำและพลังงาน ลดวัสดุสิ้นเปลืองหลายรายการ ความรวดเร็วในขั้นตอนการออกแบบและการผลิตชิ้นงาน และคุณภาพของผลลัพธ์ที่ได้

นอกจากนี้ในเครื่องพิมพ์ขนาดเล็ก-ขนาดกลางยังช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรับงานแบบออนดีมานด์ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ ยังตอบโจทย์ด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตอบโจทย์ทรนด์ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี..

คุณยรรยง ยังบอกต่ออีกว่า

“ด้วยโอกาสทางการตลาดที่เปิดกว้าง ทั้งยังมีตลาดเกิดขึ้นใหม่อยู่ตลอด

Epsonจึงนำเครื่องพิมพ์สิ่งทอระบบดิจิทัลเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม SureColor F-Series เพื่อรองรับและตอบโจทย์งานพิมพ์สำหรับธุรกิจสิ่งทอถึง 10 รุ่น ครอบคลุมหน้ากว้างงานพิมพ์ขนาด A4, 24, 44, 64 และ 76 นิ้ว

เมื่อรวมกับเครื่องในระบบ Direct-to-Garment และเครื่องขนาดใหญ่ ระบบ Direct-to-Fabric แล้ว Epsonจะมีไลน์อัพสินค้าที่ครบครันที่สุดในท้องตลาดตอนนี้..

เมื่อสามารถรองรับความต้องการของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งทอและแฟชั่น ที่ต้องการจะขยับมาใช้เครื่องพิมพ์ระบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสินค้าประเภทใดก็ตาม”

โดยจุดเด่นเครื่องพิมพ์ 2 รุ่นที่เปิดตัวในครั้งนี้จะอยู่ที่หัวพิมพ์ที่ใช้เป็นเทคโนโลยี Micro TFP PrecisionCore มีขนาดใหญ่ถึง 1.33 นิ้ว จำนวนหัวฉีดน้ำหมึก 3,200 หัว และยังให้ความละเอียดในการพิมพ์สูงสุดถึง 600x1,200 dpi และพิมพ์ได้เร็วสูงสุด 78.3 ตารางเมตรต่อชั่วโมง..

คิดเป็นประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นอีก 20% เมื่อเทียบกับรุ่น SureColor SC-F6330 ที่ออกจำหน่ายก่อนหน้านี้..

สำหรับหมึกที่ใช้เป็น UltraChrome DS ของ Epson จะเป็นสีดำที่มีความหนาแน่นสูงพิเศษ
ทำให้ผลงานที่มีความเข้มคมชัด เส้นขอบชัดเจน และการไร่ระดับสีที่เนียนเรียบ

โดยชุดหมึกมีขนาดใหญ่ถึง 1.6 ลิตรต่อสี เพิ่มขึ้นจากชุดหมึกรุ่นเดิมถึง 45%
ช่วยให้พิมพ์งานต่อเนื่องได้นานและลดการเสียเวลาในการหยุดเติมหมึก

นอกจากนี้ถุงหมึกแบบใหม่ยังป้องกันฝุ่นไม่ให้เข้าไปในหัวพิมพ์ ช่วยยืดอายุการใช้งานของหัวพิมพ์ได้อีกด้วย

และทางฝั่งผู้ใช้ก็สามารถเปลี่ยนหมึกเองได้ง่ายมาก โดยไม่เลอะเทอะ และทั้งสองรุ่นยังติดตั้งซอฟต์แวร์
“Epson Edge Print Pro” ที่ติดมากับเครื่อง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานพิมพ์งานได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้นนั่นเอง.

สุดท้าย คุณยรรยง ยังบอกอีกว่า “เครื่องทั้ง 2 รุ่นยังสะท้อนถึงจุดยืนของEpsonในด้านความยั่งยืนได้เป็นอย่างดี โดยได้รับการออกแบบให้ใช้ชุดหมึกที่มีความจุที่สูงขึ้น ทำให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องพร้อมช่วยลดปริมาณขยะบรรจุภัณฑ์หมึกพิมพ์ที่ใช้แล้ว

และด้วยหมึกพิมพ์แบบ UltraChrome DS ซึ่งเป็นหมึกที่ไร้สารอันตราย โดยได้รับการรับรองมาตรฐานสากล Oeko-Tex® และ ECO PASSPORT ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและทารก
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งได้รับ bluesign® มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่กำหนดขึ้นในสหภาพยุโรป

ด้านการจำหน่ายสินค้าทั้งสองรุ่นนี้ Epsonจะมุ่งทำการตลาดไปที่กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม ธุรกิจรับทำของพรีเมี่ยม ร้านโฟโต้ และร้านรับทำสื่อประเภทธงหรือป้ายโฆษณา

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มสตาร์ทอัพแฟชั่นที่เป็นธุรกิจของคนรุ่นใหม่ โดยบริษัทฯ จะนำเสนอในรูปแบบโซลูชั่น ที่สามารถนำไปติดตั้งและเริ่มทำธุรกิจได้ในทันที ซึ่งรวมทั้งตัวเครื่อง ซอฟต์แวร์ ชุดหมึก และชุดม้วนเก็บกระดาษ (เฉพาะรุ่น SC-F6430H) และพิเศษในช่วงเปิดตัวมาพร้อมกับการรับประกันนาน 2 ปี อีกด้วย”

“ปัจจุบัน ผู้ประกอบการธุรกิจไม่ถูกจำกัดอยู่ที่ช่วงอายุอีกต่อไป มีกลุ่มคน Gen Z จำนวนมาก ที่เริ่มเปิดกิจการของตัวเอง มีดีไซเนอร์อายุน้อยเกิดขึ้นมากมาย

มีธุรกิจทำเสื้อยืดและของพรีเมี่ยมเกิดขึ้นทุกวัน สิ่งที่Epsonให้ความสำคัญคือพฤติกรรมและความสนใจของผู้ประกอบการ กลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้ง Gen Y และ Z ให้น้ำหนักกับความยั่งยืนเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากEpsonสามารถนำเสนอโซลูชั่นที่ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ แต่ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงานและทรัพยากรต่างๆ ลดจำนวนขยะที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต

และก็คาดว่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้ เหมือนอย่างเครื่องพิมพ์สิ่งทอระบบดิจิทัลทั้งสองรุ่นที่เปิดตัวในวันนี้” ..