Google ขอพนักงาน ใช้เวลาคนละ 2 - 4 ชั่วโมง ช่วยกันทดสอบ Bard ให้เป็น AI ที่ฉลาดกว่าเดิม เพื่อสู้ ChatGPT
16 ก.พ. 2023
ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว Google ได้เปิดตัว Bard ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI ที่มีความสามารถทางด้านภาษา เพื่อนำมาสู้กับ ChatGPT ที่พัฒนาโดย OpenAI บริษัทที่มี Microsoft เป็นนักลงทุนรายใหญ่
อย่างไรก็ตาม หลังการเปิดตัวได้ไม่นาน มีสำนักข่าวต่างประเทศไปพบว่า Bard ซึ่งเป็น AI ของ Google มีการตอบคำถามที่ผิดพลาด จนทำให้ราคาหุ้นของ Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google ดิ่งลงทันที
ล่าสุด ซุนดาร์ พิชัย ซึ่งเป็น CEO ของ Alphabet ได้ส่งอีเมลถึงพนักงานทุกคนในบริษัท เพื่อขอให้พนักงานใช้เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ในการช่วยกันพัฒนา และทดสอบให้ Bard เป็น AI ที่ฉลาด และใช้งานได้จริง
อย่างไรก็ตาม จากการรายงานนี้ ไม่ได้มีการระบุว่า ซุนดาร์ พิชัย ได้ส่งอีเมลถึงพนักงานจำนวนมากน้อยเพียงใด รวมถึงยังไม่แน่ชัดว่า อีเมลฉบับนี้ถูกส่งถึงเฉพาะพนักงานของ Google หรือพนักงานทั้งหมดในเครือ Alphabet ด้วย
รวมถึงไม่ได้มีการระบุด้วยว่า ระยะเวลา 2 - 4 ชั่วโมงที่ ซุนดาร์ พิชัย ระบุนี้ หมายถึงระยะเวลา “ต่อวัน” หรือหมายถึงให้ใช้เวลาไปกับการทดสอบ Bard รวมแล้วคนละ 2 - 4 ชั่วโมง กันแน่
นอกจากนี้ เนื้อหาของอีเมลฉบับนี้ ซุนดาร์ พิชัย ยังระบุด้วยว่า จะรู้สึก “ชื่นชม” มาก ๆ หากพนักงานช่วยกันใช้เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ไปกับการพัฒนา และทดสอบ Bard
อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ ฝ่ายคาดการณ์ว่า เนื้อหาของอีเมลฉบับนี้ ไม่ใช่การ “ร้องขอ” แต่เป็นเหมือน “คำสั่ง” จาก ซุนดาร์ พิชัย มากกว่า
ด้านโฆษกของ Google ให้ข้อมูลกับเว็บไซต์ Gizmodo ว่า กระบวนการทดสอบ และการรับฟังความคิดเห็น ทั้งจากพนักงานภายในของ Google และบุคคลภายนอก เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยปรับปรุงให้ Bard มีความสามารถที่ดีขึ้น และสามารถใช้งานได้จริง
และ Google ก็ต้องการความคิดเห็นจากพนักงานภายใน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมองค์กรของ Google อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีการรายงานรายละเอียดที่ชัดเจนว่า ซุนดาร์ พิชัย ต้องการให้พนักงานมีส่วนร่วมกับการพัฒนา และทดสอบ Bard อย่างไรบ้าง
แต่นี่ ก็เป็นสัญญาณที่ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจน ว่า Google มีความ “เร่งรีบ” ที่จะผลักดัน Bard มาสู้กับ ChatGPT ที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ Bard เป็นเทคโนโลยี AI ที่อยู่เบื้องหลัง Search Engine ยุคใหม่
ซึ่ง Microsoft ได้สร้างความตื่นตัวให้กับ Google ด้วยการนำ ChatGPT ไปผนวกความสามารถไว้กับ Bing ซึ่งเป็น Search Engine ของตัวเอง..