เซ็นทรัล รีเทล อัดงบลงทุน 28,000 ล้าน คาดปีนี้ รายได้โตกว่า 15% พร้อมนำ Meb เสนอขายหุ้น IPO
6 ก.พ. 2023
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ฉายภาพความสำเร็จ หลังปูพรมขับเคลื่อนธุรกิจตามแผนงาน 5 ปี ภายใต้ยุทธศาสตร์ CRC Retailligence
เร่งเครื่องสร้างการเติบโตในปี 2566 ใน 5 กลุ่มธุรกิจ เพื่อมุ่งสู่ The Next Sustainable Growth นำธุรกิจค้าปลีกเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
เร่งเครื่องสร้างการเติบโตในปี 2566 ใน 5 กลุ่มธุรกิจ เพื่อมุ่งสู่ The Next Sustainable Growth นำธุรกิจค้าปลีกเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ปี 2565 ที่ผ่านมา CRC สร้างความสำเร็จในการขยายพอร์ตธุรกิจให้เติบโตทั้งในไทย เวียดนาม และอิตาลี ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ฟู้ด, แฟชั่น, ฮาร์ดไลน์, พร็อพเพอร์ตี้ และเฮลธ์แอนด์เวลเนส
โดยสร้างรายได้รวมเติบโตมากกว่า 20% ถือเป็นผลประกอบการที่เกินเป้าที่ตั้งไว้
โดยสร้างรายได้รวมเติบโตมากกว่า 20% ถือเป็นผลประกอบการที่เกินเป้าที่ตั้งไว้
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 มองเห็นสัญญาณบวกของภาคค้าปลีกและบริการในทั้ง 3 ประเทศ จากสภาพเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก การเปิดประเทศของจีน รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัว
โดย CRC อัดงบลงทุน 28,000 ล้านบาท ขับเคลื่อนธุรกิจบนยุทธศาสตร์ CRC Retailligence ที่เพิ่มความเข้มข้นยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นที่จะเป็นเบอร์ 1 Next-Gen Omni Retailer ของเอเชีย
และสร้างการเติบโตในประเทศเวียดนามอย่างก้าวกระโดด ด้วยการขยายโมเดลธุรกิจฟู้ดและศูนย์การค้า GO!
จากเดิมที่ CRC เป็นผู้นำค้าปลีกในเวียดนามอยู่ เช่น แบรนด์ GO! เป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตเบอร์ 1 ในเวียดนาม
จากเดิมที่ CRC เป็นผู้นำค้าปลีกในเวียดนามอยู่ เช่น แบรนด์ GO! เป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตเบอร์ 1 ในเวียดนาม
ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจบนความยั่งยืน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2593 ตามเจตนารมณ์การเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนรายแรกในประเทศไทย
โดยเป้าหมายทั้งหมด จะเกิดขึ้นได้จริงผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย
1. Accelerate Core Leadership : เร่งสร้างการเติบโตของกลุ่มธุรกิจหลัก ในทั้ง 3 ประเทศ
-กลุ่มแฟชั่น : ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายห้างสรรพสินค้าลักชูรีในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อต่อยอดธุรกิจกลุ่มแฟชั่นให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งสินค้าใหม่ แบรนด์ใหม่
และเชื่อมต่อแพลตฟอร์มของห้างลักชูรีทั้งหมด เพื่อให้ลูกค้าสามารถช็อปปิงจากทุกห้างของกลุ่มได้ทุกที่ทุกเวลา
พร้อมทั้งเดินหน้าขยาย และรีโนเวตสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนจะเปิดห้างสรรพสินค้าโรบินสัน อีก 2 สาขาในปีนี้
พร้อมทั้งเดินหน้าขยาย และรีโนเวตสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนจะเปิดห้างสรรพสินค้าโรบินสัน อีก 2 สาขาในปีนี้
-กลุ่มฮาร์ดไลน์ : เร่งเครื่องขยายสาขาใหม่ของไทวัสดุ และไทวัสดุ ไฮบริด ฟอร์แมท รวมอีก 10 สาขาในปีนี้
-กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ : ขยายและรีโนเวตศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเปิดเพิ่มอีก 1 สาขาในปีนี้
นอกจากนี้ในเวียดนามก็มีการก่อสร้างศูนย์การค้า GO! สาขาใหม่ ๆ เพื่อเตรียมเปิดอีก 6-8 สาขา ในปี 2567
นอกจากนี้ในเวียดนามก็มีการก่อสร้างศูนย์การค้า GO! สาขาใหม่ ๆ เพื่อเตรียมเปิดอีก 6-8 สาขา ในปี 2567
-สร้างฐานการเงินที่แข็งแกร่ง บนกลยุทธ์ 3C
Cost บริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
Capex เน้นการลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุดใน Strategic Business และเร่งขยาย Proven Format
Cash Flow ขยายขีดความสามารถในการจัดการเงินทุนหมุนเวียน ให้มีความรวดเร็ว คล่องตัว และเพิ่มกระแสเงินสดให้มากขึ้น สำหรับสร้างการเติบโตทางธุรกิจต่อไป
Cost บริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
Capex เน้นการลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุดใน Strategic Business และเร่งขยาย Proven Format
Cash Flow ขยายขีดความสามารถในการจัดการเงินทุนหมุนเวียน ให้มีความรวดเร็ว คล่องตัว และเพิ่มกระแสเงินสดให้มากขึ้น สำหรับสร้างการเติบโตทางธุรกิจต่อไป
2. Reinvent Next-Gen Omni Retail : ยกระดับ CRC Ecosystem ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ด้วยการนำเทคโนโลยีและระบบต่าง ๆ ที่ดีจากทั่วโลก มาสร้างการเติบโตแบบ Inclusive Growth ให้ทั้งลูกค้า แบรนด์ และพาร์ตเนอร์ บนแพลตฟอร์ม Next-Gen Omni Retail เพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้แก่ผู้บริโภค
ทั้งในด้าน Experience-driven ที่เชื่อมโยงทุกช่องทางอย่างไร้รอยต่อ
การใช้ AI เพื่อมอบสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้าแบบ Smart Retail
รวมถึงการปรับเปลี่ยนแพลตฟอร์มได้อย่างรวดเร็ว ตามเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วย Agile Commerce
และตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกที่ทุกเวลาแบบ Multi-Moment
การใช้ AI เพื่อมอบสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้าแบบ Smart Retail
รวมถึงการปรับเปลี่ยนแพลตฟอร์มได้อย่างรวดเร็ว ตามเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วย Agile Commerce
และตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกที่ทุกเวลาแบบ Multi-Moment
3. Build New Growth Pillars : ต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น
โดยมีแผนเปิดตัวธุรกิจขนาดใหญ่ เพื่อเสริมทัพธุรกิจในประเทศไทยและเวียดนาม ในช่วงกลางปีนี้
4. Drive Partnership, Acquisition and Spin Off ซ ขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็วผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรและการทำ M&A (การควบรวมและเข้าซื้อกิจการ)
พร้อมนำ MEB เบอร์ 1 แพลตฟอร์ม E-Book เข้าตลาดหลักทรัพย์ Mai เสนอขายหุ้น IPO แก่ประชาชนทั่วไป ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 นี้
ซึ่งคาดว่าเมื่อเข้าตลาดฯ MEB จะมีมูลค่าบริษัทประมาณ 8,500 ล้านบาท
ซึ่งคาดว่าเมื่อเข้าตลาดฯ MEB จะมีมูลค่าบริษัทประมาณ 8,500 ล้านบาท
4 กลยุทธ์ดังกล่าว จะทำให้ CRC เติบโตสู่ The Next Sustainable Growth
และคาดว่า จะสร้างรายได้รวมในปี 2566 ราว 270,000 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
และคาดว่า จะสร้างรายได้รวมในปี 2566 ราว 270,000 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
อีกทั้งตั้งเป้าระยะสั้นในปี 2566 ที่จะนำพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน มาใช้ในกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ให้ได้ 30%, ลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบ 10% และลดการใช้น้ำ 10%
เพิ่มการจำหน่ายสินค้า ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นสัดส่วน 20% ของสินค้าทั้งหมด
และเพิ่มพื้นที่สีเขียวจากการปลูกป่าอีก 5,000 ไร่ เพื่อช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจก
และเพิ่มพื้นที่สีเขียวจากการปลูกป่าอีก 5,000 ไร่ เพื่อช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจก
สำหรับเป้าหมายในระยะยาว CRC คาดหวัง
-รายได้ เพิ่ม 2.5 เท่า
-EBITDA เพิ่ม 3.5 เท่า
-มูลค่าบริษัท (Market Cap.) เพิ่ม 2.5 เท่า
ภายในปี 2570 ด้วยงบลงทุนทั้งสิ้นรวม 150,000 ล้านบาท..
-รายได้ เพิ่ม 2.5 เท่า
-EBITDA เพิ่ม 3.5 เท่า
-มูลค่าบริษัท (Market Cap.) เพิ่ม 2.5 เท่า
ภายในปี 2570 ด้วยงบลงทุนทั้งสิ้นรวม 150,000 ล้านบาท..
รวมถึงมีสัดส่วนรายได้มาจากประเทศไทย ประมาณ 65% เวียดนาม 30% และอิตาลี 5%