“HMC Polymers” เปิดตัวสายการผลิตใหม่ เพิ่มกำลังการผลิตเม็ดพลาสติก PP แตะล้านตันต่อปี

ตอกย้ำความเป็นผู้นำวงการเม็ดพลาสติก โพลีโพรพิลีน หรือ PP ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเต็มภาคภูมิ

เมื่อบริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด หรือ HMC Polymers
ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติก PP รายแรกและรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
เดินหน้าเปิดสายการผลิตที่ 4 ของโรงงานโพลีโพรพิลีน (โรงงาน PP4) อย่างเป็นทางการ

แล้วการเปิดสายการผลิตครั้งนี้ ของ HMC Polymers น่าสนใจอย่างไร ?

ต้องบอกก่อนว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปี HMC Polymers ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาการทำงานทุก ๆ มิติอย่างต่อเนื่อง

รวมถึงมีการขยายกำลังการผลิต เพื่อรองรับความต้องการเม็ดพลาสติก PP คุณภาพสูงของตลาด ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ อยู่เสมอ

ล่าสุด เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตที่สูงขึ้น HMC Polymers ได้เดินหน้าเปิดสายการผลิตที่ 4 ของโรงงานโพลีโพรพิลีน (โรงงาน PP4) บนพื้นที่กว่า 25 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง

โดยสายการผลิตดังกล่าว ได้เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2563 และแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565
ใช้งบการลงทุนสูงกว่า 8,000 ล้านบาท

ความน่าสนใจของสายการผลิตใหม่นี้ คือ นอกจากจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้ HMC Polymers มีกำลังการผลิตที่สูงขึ้น
จากปัจจุบันอยู่ที่ 810,000 ตันต่อปี เป็น 1,060,000 ตันต่อปี

ยังล้ำหน้าด้วยการนำเทคโนโลยี Spherizone เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของบริษัท LyondellBasell ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ HMC Polymers มาใช้

เรียกได้ว่า ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการผลิตเม็ดพลาสติก PP แบบครบวงจรระดับแนวหน้าและทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เพราะข้อดีของการนำเทคโนโลยีจากผู้ผลิตเคมีภัณฑ์รายใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก
รวมถึงยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการผลิตเม็ดพลาสติก PP ที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลกด้วย มาใช้
ทำให้ เม็ดพลาสติก PP ที่ผลิตออกมา เป็นเม็ดพลาสติก PP เกรดพิเศษ (Specialty) และเกรดคุณภาพสูง (Differentiated)

ซึ่งไม่เพียงแตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่น ๆ ในตลาด ยังมาพร้อมคุณสมบัติเฉพาะตัว ที่โดดเด่นในหลาย ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น

- ความแข็งแกร่ง ทนทาน ทั้งความร้อน ความเย็น หรือแม้แต่สารเคมี
- มีความใส เงางาม
- ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ เม็ดพลาสติก PP เหล่านี้ยังสามารถต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ปลายทาง ได้มากมาย อาทิ

- กลุ่มการแพทย์และสุขอนามัย

ซึ่งถือว่าสอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ที่ทั้งโลกหันมาให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ และการเกิดขึ้นของโรคอุบัติใหม่

- กลุ่มบรรจุภัณฑ์ทั้งแบบแข็งและยืดหยุ่น

เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า หรือผู้ใช้งานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตามยุคสมัย ผ่านดิไซน์และฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากพลาสติกชนิดอื่น ๆ

- กลุ่มชิ้นส่วนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

ช่วยขับเคลื่อนให้ภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยเติบโต และพัฒนาทัดเทียมนานาอารยประเทศ

มาถึงตรงนี้ คงเห็นแล้วว่า ทำไมการเปิดตัวสายการผลิตของ HMC Polymers ถึงมาสร้างแต้มต่อให้ธุรกิจ

ที่น่าสนใจ คือ นอกจากจะสะท้อนถึงการดำเนินงานด้วยความเป็นเลิศ (Operational Excellence) แล้ว
อีกหัวใจสำคัญที่ HMC Polymers ยึดถือมาตลอด คือ การทำธุรกิจแบบใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ดังนั้น เบื้องหลังโครงการก่อสร้างสายการผลิตที่ 4 โรงงานโพลีโพรพิลีน จึงดำเนินการโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

ยกตัวอย่าง เช่น การก่อสร้างหอเผาระดับพื้น (Ground Flare) เพื่อลดการเผาไหม้ที่หอเผาสูง (Elevated Flare)
ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ควบคุมควันดำได้เป็นอย่างดี รวมถึงลดเสียงและแสง

ทั้งนี้เป้าหมายต่อไปของ HMC Polymers คือ “โครงการ Zero Flare” ที่ตั้งใจช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศโลกด้วย

นอกจากนี้ HMC Polymers ยังได้ให้ความสำคัญกับการลดการใช้ทรัพยากรใหม่ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

จึงได้ร่วมกับพันธมิตรหลายกลุ่ม เปิดตัวแพลตฟอร์ม “PP Reborn : ชุบชีวิต PP กับ HMC Polymers”
เพื่อจัดเก็บพลาสติกใช้แล้วผ่าน Drop Point ในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะพลาสติก PP เพื่อนำกลับไปรีไซเคิลหรืออัพไซเคิล

ซึ่งเบื้องหลังความมุ่งมั่นของ HMC Polymers นี้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อการเติบโตของธุรกิจ หรือผลกำไรเท่านั้น
แต่ต้องการให้ทุกภาคส่วนก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน

งานนี้ถ้าถามว่า เส้นทางนี้ยากแค่ไหน ก็ต้องบอกว่าเต็มไปด้วยความท้าทาย
แต่ HMC Polymers เชื่อว่าเป็นจริงได้ ด้วยแนวคิดของบริษัทที่ว่า “Endless Possibilities Begin”
หรือ “จุดเริ่มต้นความเป็นไปได้.. ไม่สิ้นสุด” นั่นเอง..