ย้อนประวัติศาสตร์ Nintendo จากผู้ผลิตไพ่เพื่อความบันเทิง สู่บริษัทเกมมูลค่า 2 ล้านล้านบาท
13 พ.ย. 2022
Nintendo บริษัทที่อยู่คู่กับธุรกิจเกม และความบันเทิงภายในบ้านมาอย่างยาวนาน เป็นเจ้าของเกมชื่อดังมากมาย ผลิตเครื่องเล่นเกมมาแล้วหลายรุ่น
เรียกได้ว่า หลายคนไม่ว่าจะอายุเท่าไร ก็ต้องมีช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่เกี่ยวข้องกับ Nintendo อย่างแน่นอน
เรียกได้ว่า หลายคนไม่ว่าจะอายุเท่าไร ก็ต้องมีช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่เกี่ยวข้องกับ Nintendo อย่างแน่นอน
แต่รู้หรือไม่ว่า ความจริงแล้ว Nintendo เป็นบริษัทที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับร้อยปี ทำธุรกิจความบันเทิงภายในบ้าน ตั้งแต่ก่อนที่โลกนี้จะมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า “คอมพิวเตอร์” และ “เครื่องเล่นเกมคอนโซล” ด้วยซ้ำ
ในบทความนี้ MarketThink จะพาไปย้อนรอยประวัติศาสตร์ของ Nintendo ตลอดช่วงเวลา 133 ปีที่ผ่านมา
ตั้งแต่การเป็นผู้ผลิตเกมไพ่เพื่อความบันเทิงของคนญี่ปุ่น สู่การเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการเกม ด้วยมูลค่าบริษัทราว 2 ล้านล้านบาท..
ตั้งแต่การเป็นผู้ผลิตเกมไพ่เพื่อความบันเทิงของคนญี่ปุ่น สู่การเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการเกม ด้วยมูลค่าบริษัทราว 2 ล้านล้านบาท..
- Nintendo บริษัทเก่าแก่อายุ 133 ปี
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1889 หรือเมื่อ 133 ปีที่แล้ว Nintendo ก่อตั้งขึ้นโดย Fusajiro Yamauchi ที่เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ทำธุรกิจผลิต และเปิดร้านขายไพ่ฮานาฟูดะ หรือไพ่ดอกไม้ ซึ่งเป็นไพ่ที่ได้รับความนิยมอย่างมหาศาลในประเทศญี่ปุ่น
ด้วยความสำเร็จนี้เอง ทำให้ Nintendo เริ่มผลิตเกมไพ่เพื่อความบันเทิงชนิดอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อสร้างรายได้ให้มากขึ้น เพราะโดยธรรมชาติของไพ่ เป็นสิ่งของที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ไม่ได้เป็นของที่ซื้อใหม่ได้บ่อย ๆ
ในปี 1959 Nintendo เริ่มก้าวเข้าสู่โลกยุคใหม่ ด้วยการผลิตเกมไพ่ ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง Nintendo และ Disney นำเอาตัวละครยอดนิยมอย่างมิกกี้ เมาส์ มาใส่ไว้บนไพ่ของ Nintendo รวมถึงเริ่มผลิตเกมไพ่สำหรับเด็ก ซึ่งเป็นตลาดใหม่ของ Nintendo ในขณะนั้น
แม้ Nintendo จะประสบความสำเร็จกับการผลิตไพ่มาอย่างยาวนานเป็นเวลาเกือบ 100 ปี แต่ก็ต้องยอมรับว่าในโลกยุคใหม่ ผู้คนต่างมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป
เวลาที่ใช้เล่นไพ่เพื่อความบันเทิง ถูกแย่งไปด้วยงานอดิเรกชนิดอื่น ๆ ซึ่งมีความน่าสนใจมากกว่า ความสำเร็จของ Nintendo ในฐานะบริษัทผลิตไพ่เพื่อความบันเทิง จึงถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลง..
สิ่งที่ Nintendo ทำ คือการมองหารูปแบบการทำธุรกิจใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์กับชีวิตของคนในยุคนั้นให้มากขึ้น ทั้งการทำธุรกิจให้บริการรถแท็กซี่ โรงแรม หรือแม้แต่ขายอาหาร
แต่ในท้ายที่สุดแล้ว Nintendo ก็ย้อนกลับมามองถึงสิ่งที่ทำได้ดีตั้งแต่แรก นั่นคือการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความบันเทิง และแน่นอนว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ ได้เปลี่ยนแปลงชะตาของ Nintendo ไปตลอดกาล..
- จากไพ่ สู่เกม และความบันเทิงสมัยใหม่
การเปลี่ยนผ่านของ Nintendo จากผู้ผลิตไพ่ สู่การทำธุรกิจเกม เริ่มขึ้นในช่วงปลายยุค 1960
Nintendo เข้าสู่ธุรกิจของเล่น โดยมีคู่แข่งเป็นบริษัทเพื่อนร่วมชาติ อย่าง Bandai และ Takara Tomy
Nintendo เข้าสู่ธุรกิจของเล่น โดยมีคู่แข่งเป็นบริษัทเพื่อนร่วมชาติ อย่าง Bandai และ Takara Tomy
ของเล่นชิ้นแรก ๆ ที่สร้างชื่อให้ Nintendo ในยุคนั้น คือ Ultra Hand ของเล่นเด็กที่มีลักษณะคล้ายแขนกลยืดหดได้ ที่ได้ไอเดียมาจากอุปกรณ์ทำความสะอาดสนิมในโรงงานของ Nintendo ด้วยยอดขายในประเทศญี่ปุ่น เกิน 1 ล้านชิ้น
รวมถึง Beam Gun ปืนยิงแสงเลเซอร์ของเล่น ซึ่งนับว่าเป็นของเล่นที่มีชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ชิ้นแรกของ Nintendo ในปี 1972 ด้วยยอดขายรวมกว่า 9 ล้านชิ้น
นอกจากนี้ Nintendo ยังมีของเล่นอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งกลองไฟฟ้า และเกมกระดานอีกหลายชนิดด้วยเช่นกัน
หลังจากประสบความสำเร็จจากของเล่น Nintendo ก็เริ่มมองเห็นโอกาสในธุรกิจเกม ซึ่งเป็นความบันเทิงในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เพราะในขณะนั้น เครื่องเล่นเกมที่ต่อกับทีวี เริ่มได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกา
Nintendo จึงเริ่มผลิตเครื่องเล่นเกมหลายชนิด ทั้งเครื่องเล่นเกมสำหรับใช้งานที่บ้าน เครื่องเล่นเกมพกพา รวมถึงตู้เกมหยอดเหรียญ
แต่ถ้าพูดถึงเครื่องเล่นเกมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด จนเรียกได้ว่ากลายเป็นผลิตภัณฑ์สร้างชื่อในวงการเกมให้ Nintendo คงหนีไม่พ้น Game & Watch เครื่องเล่นเกมพกพารุ่นแรกของ Nintendo ด้วยยอดขายเกิน 40 ล้านเครื่องทั่วโลก ตลอดระยะเวลาการผลิต ระหว่างปี 1980-1991
- Famicom และ NES เครื่องเล่นเกมในตำนานของ Nintendo
หลังจากนั้นในปี 1984 Nintendo จึงได้เปิดตัวเครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ โดยใช้ชื่อว่า Famicom สำหรับทำตลาดในประเทศญี่ปุ่น และ Nintendo Entertainment System (NES) สำหรับทำตลาดในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก
พร้อมกันกับเกมยอดนิยมที่ทยอยเปิดตัว และวางขายตามมา เช่น Super Mario Bros., The Legend of Zelda, Metroid และ Tetris
ทำให้ในท้ายที่สุดแล้ว Famicom และ NES สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 61.9 ล้านเครื่อง
ทำให้ในท้ายที่สุดแล้ว Famicom และ NES สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 61.9 ล้านเครื่อง
ความสำเร็จของ Famicom และ NES นี้ เอาชนะคู่แข่งในยุคเดียวกันได้อย่างขาดลอย ด้วยตัวเกมที่มีคุณภาพสูง ทั้งเกมที่ Nintendo เป็นผู้พัฒนาเอง และเกมจากนักพัฒนาภายนอก สร้างความแตกต่างจากเครื่องเล่นเกมของคู่แข่งรายอื่นในยุคนั้น ที่มักจะประสบกับปัญหาเกมมีคุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร
หลังจากนั้นในปี 1992 หรืออีก 8 ปีถัดมา Nintendo ก็ออกเครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ ที่ชื่อว่า Super Famicom สำหรับทำตลาดในประเทศญี่ปุ่น และ Super Nintendo Entertainment System (SNES) เพื่อสานต่อความสำเร็จของเครื่องเล่นเกมรุ่นเดิม ด้วยยอดขายทั่วโลกรวมทั้งสิ้นกว่า 46 ล้านเครื่อง
ในฝั่งเครื่องเล่นเกมพกพา Nintendo ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ Game Boy ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1989 และสามารถสร้างยอดขายรวมทุกรุ่น เกือบ 120 ล้านเครื่อง นับตั้งแต่ Game Boy รุ่นแรกเริ่มวางจำหน่าย
อย่างไรก็ตาม แม้ Nintendo จะสร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จด้านยอดขายได้อย่างถล่มทลายตลอดระยะเวลาหลายปีติดต่อกัน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า Nintendo จะประสบความสำเร็จกับเครื่องเล่นเกมทุกรุ่นที่วางจำหน่ายเสมอไป
อย่างไรก็ตาม แม้ Nintendo จะสร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จด้านยอดขายได้อย่างถล่มทลายตลอดระยะเวลาหลายปีติดต่อกัน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า Nintendo จะประสบความสำเร็จกับเครื่องเล่นเกมทุกรุ่นที่วางจำหน่ายเสมอไป
เพราะแน่นอนว่า Nintendo ก็ต้องมีช่วงซึ่งผ่านวันเวลาที่เคยล้ม เคยพลาดเช่นเดียวกัน
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่ยืนยันถึงความผิดพลาดของ Nintendo นั่นคือ Nintendo 64 เครื่องเล่นเกมที่ตั้งใจออกมาสานต่อความสำเร็จของ Super Famicom และ SNES
แต่ในขณะนั้น Nintendo 64 กลับมีคู่แข่งสำคัญอีกรายหนึ่งเกิดขึ้น นั่นก็คือ Sony ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วงการเกม ด้วยการเปิดตัวเครื่องเล่นเกมรุ่นแรกของตัวเอง ในชื่อว่า PlayStation
ซึ่งเครื่องเล่นเกม PlayStation นี้ มีจุดเด่นสำคัญ คือการใช้แผ่น CD ทดแทนตลับเกมแบบเดิม ๆ ที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน ทำให้เก็บข้อมูลของตัวเกมได้มากกว่า และนักพัฒนาสามารถพัฒนาเกมที่มีคุณภาพ และรายละเอียดที่ดีกว่าเดิมได้
ด้วยจุดเด่นนี้เอง ทำให้ Sony PlayStation ชนะ Nintendo 64 อย่างขาดลอย ด้วยยอดขาย 102 ล้านเครื่อง และกลายเป็นเครื่องเล่นเกมรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ ที่ทำยอดขายได้เกิน 100 ล้านเครื่อง
ในขณะที่ Nintendo 64 นั้น สามารถทำยอดขายได้เพียง 32.9 ล้านเครื่องเท่านั้น
แต่ Nintendo เอง ก็ยังสามารถทำกำไรจาก Nintendo 64 ไปได้ถึง 45,300 ล้านบาท ในปี 1998 แม้จะแพ้คู่แข่งในด้านยอดขายก็ตาม
- การแก้เกมของ Nintendo
หลังจากที่ Nintendo 64 พ่ายแพ้ให้กับ PlayStation รุ่นแรก Nintendo ก็แก้เกม ด้วยการออกเครื่องเล่นเกมใหม่หลาย ๆ รุ่น ในช่วงเวลาหลังจากนั้น
ทั้ง Nintendo DS เครื่องเล่นเกมพกพา ที่สามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 154 ล้านเครื่อง และนับว่าเป็นเครื่องเล่นเกมที่ขายดีที่สุดตลอดกาลของ Nintendo ด้วยจุดเด่นที่เป็นเครื่องเล่นเกมฝาพับ คล้ายตลับแป้ง มี 2 หน้าจอ ที่ด้านบน และจอสัมผัสที่ด้านล่าง สร้างความแปลกใหม่ให้กับการเล่นเกมในสมัยนั้น
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องเล่นเกม Nintendo Wii ที่ปฏิวัติการเล่นเกมภายในบ้าน ด้วยจอยเกมที่ใช้การเคลื่อนไหวของร่างกายในการควบคุม ซึ่งมีความแตกต่างจากเครื่องเล่นเกมรุ่นอื่น ๆ ที่วางจำหน่ายในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้ในท้ายที่สุดแล้ว Nintendo Wii สามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 101.6 ล้านเครื่อง
- Nintendo Switch เครื่องเล่นเกมลูกผสม ยอดขาย 111 ล้านเครื่อง
และเครื่องเล่นเกมของ Nintendo ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย นั่นคือ Nintendo Switch เครื่องเล่นเกมรุ่นล่าสุดของ Nintendo ที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล หลังจากการเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2017
Nintendo Switch เป็นเครื่องเล่นเกมที่มีจุดเด่น จากการเป็นเครื่องเล่นเกม “ลูกผสม” ใช้งานได้ทั้งในบ้าน หรือจะพกพาออกไปข้างนอกก็ทำได้
และยิ่งเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้ Nintendo Switch กลายเป็นเครื่องเล่นเกมที่ได้รับความนิยมอย่างมหาศาล จากความต้องการอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงในช่วงล็อกดาวน์ ทำให้ในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา Nintendo Switch สร้างยอดขายได้มากกว่า 111 ล้านเครื่อง
และหากคิดเป็นรายได้ ที่ Nintendo ทำได้จาก Nintendo Switch เพียงรุ่นเดียว ทั้งรายได้จากการขายตัวเครื่อง และเกม จะคิดเป็นจำนวนเงินกว่า 2,188,000 ล้านบาท เลยทีเดียว
และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดของ Nintendo จากบริษัทผลิตไพ่เพื่อความบันเทิง สู่ยักษ์ใหญ่ในวงการเกม ด้วยมูลค่าบริษัท 2 ล้านล้านบาท
ที่ผ่านเรื่องราวทั้งความสำเร็จ ความผิดพลาด และอยู่รอดท่ามกลางการแข่งขันอย่างรุนแรง ด้วยการปรับตัวรับกับความต้องการของผู้บริโภค สู่การเป็นบริษัทที่อยู่ในความทรงจำของแฟน ๆ เกม ทุกช่วงวัย..
อ้างอิง:
- https://www.daytranslations.com/blog/nintendo-gaming-company
- https://www.techspot.com/article/2162-how-nintendo-made-it/
- https://gamerant.com/nintendo-switch-success-hardware-versatility-game-sales-pandemic/
- https://www.nintendo.com/about/
- https://www.nintendo.co.uk/Hardware/Nintendo-History/Nintendo-History-625945.html
- https://history-computer.com/nintendo-history/
- https://screenrant.com/best-selling-nintendo-consoles/
- https://www.statista.com/statistics/1101888/unit-sales-game-boy-region
- https://www.slashgear.com/851764/the-one-failure-that-changed-nintendo-forever/
- https://whatculture.com/gaming/nintendo-s-10-biggest-failures-ever?page=7
- https://news.ycombinator.com/item?id=2481975
- https://www.nintendolife.com/news/2022/08/nintendo-switch-sales-surpass-111-million
- https://en.wikipedia.org/wiki/Nintendo
- https://en.wikipedia.org/wiki/Nintendo_DS
- https://www.thegamer.com/nintendo-switch-sales-60-billion-revenue/
- https://www.daytranslations.com/blog/nintendo-gaming-company
- https://www.techspot.com/article/2162-how-nintendo-made-it/
- https://gamerant.com/nintendo-switch-success-hardware-versatility-game-sales-pandemic/
- https://www.nintendo.com/about/
- https://www.nintendo.co.uk/Hardware/Nintendo-History/Nintendo-History-625945.html
- https://history-computer.com/nintendo-history/
- https://screenrant.com/best-selling-nintendo-consoles/
- https://www.statista.com/statistics/1101888/unit-sales-game-boy-region
- https://www.slashgear.com/851764/the-one-failure-that-changed-nintendo-forever/
- https://whatculture.com/gaming/nintendo-s-10-biggest-failures-ever?page=7
- https://news.ycombinator.com/item?id=2481975
- https://www.nintendolife.com/news/2022/08/nintendo-switch-sales-surpass-111-million
- https://en.wikipedia.org/wiki/Nintendo
- https://en.wikipedia.org/wiki/Nintendo_DS
- https://www.thegamer.com/nintendo-switch-sales-60-billion-revenue/
Tag:Nintendo