CEO Xiaomi อ่านเกมตลาดรถยนต์ EV เข้าสู่ตลาดทำได้ง่าย แต่ถ้าอยากอยู่รอด ต้องเป็นแบรนด์ Top 5 เท่านั้น
21 ต.ค. 2022
เมื่อปีที่แล้ว Xiaomi ประกาศตัวอย่างเป็นทางการ ว่าจะก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ EV ที่กำลังร้อนแรง
พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายว่ารถยนต์ EV คันแรกของ Xiaomi จะเริ่มลงสู่ถนนได้ภายในปี 2024
พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายว่ารถยนต์ EV คันแรกของ Xiaomi จะเริ่มลงสู่ถนนได้ภายในปี 2024
ในวันนี้ Lei Jun CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Xiaomi ได้แชร์ข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับตลาดรถยนต์ EV ที่เขา และทีมงาน ได้ศึกษามา เพื่อประกอบการแข่งขันกับแบรนด์คู่แข่งอื่น ๆ ทั่วโลก
Lei Jun เล่าว่า การเข้าสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ EV นั้น สามารถทำได้ง่ายกว่ารถยนต์สันดาปมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแบตเตอรี่ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจของรถยนต์ EV มีต้นทุนที่ต่ำลงกว่า 80% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่า ในอนาคตจะสามารถลดต้นทุนส่วนนี้ได้อีกราว 50%
นอกจากนี้ รถยนต์ EV ยังมีลักษณะอีกอย่างหนึ่ง ที่เปลี่ยนแปลงไปจากรถยนต์เครื่องสันดาป นั่นคือเป็นก้าวข้ามนิยามของรถยนต์ ที่เป็นเรื่องของกลไก สู่การเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีความอัจฉริยะ มีซอฟต์แวร์ และประสบการณ์ของผู้ใช้งานเป็นหัวใจสำคัญ
ในด้านการแข่งขันของตลาดรถยนต์ EV นั้น Lei Jun มองว่า เมื่อตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างเต็มที่แล้ว จะมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ระหว่างผู้เล่นรายใหญ่ 5 รายแรก เท่านั้น
ผู้เล่นในกลุ่มนี้ จะครองส่วนแบ่งตลาดรวมกันได้กว่า 80% และนั่นหมายความว่า หาก Xiaomi ต้องการประสบความสำเร็จ และอยู่รอดในตลาดรถยนต์ EV
Xiaomi ก็จะต้องก้าวขึ้นมาเป็น 1 ใน 5 ของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกให้ได้ ด้วยยอดขายกว่า 10 ล้านคันต่อปี
Xiaomi ก็จะต้องก้าวขึ้นมาเป็น 1 ใน 5 ของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกให้ได้ ด้วยยอดขายกว่า 10 ล้านคันต่อปี
สิ่งที่น่าจับต่อมองต่อจากนี้ นั่นคือความจริงจังของ Xiaomi ในการก้าวขึ้นมาเป็น 1 ใน 5 ของผู้ผลิตรถยนต์ EV รายใหญ่ของโลกให้ได้
เพราะอย่าลืมว่าในปัจจุบัน แบรนด์รถยนต์ต่างตบเท้าก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์ EV กันมากขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะอย่าลืมว่าในปัจจุบัน แบรนด์รถยนต์ต่างตบเท้าก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์ EV กันมากขึ้นเรื่อย ๆ
เฉพาะคู่แข่งสัญชาติเดียวกับ Xiaomi เองก็มีหลายเจ้า ทั้ง BYD, NIO, GWM, Xpeng, Li Auto และ Geely ซึ่งพัฒนารถยนต์ EV มาเป็นเวลานาน
หรือหากนับรวมคู่แข่งในระดับโลก ก็คงหนีไม่พ้น Tesla รวมถึงคู่แข่งรายอื่น ๆ ที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์เก่าแก่ ยกตัวอย่างเช่น Ford, General Motors, Volkswagen, Toyota หรือ Nissan ก็กำลังหันมาสนใจในตลาดรถยนต์ EV มากขึ้นเรื่อย ๆ