เซ็นทรัล รีเทล ชู “Green & Sustainable Retail” ค้าปลีกแรกของไทย ที่ใส่ใจความยั่งยืน

เซ็นทรัล รีเทล ชู “Green & Sustainable Retail” ค้าปลีกแรกของไทย ที่ใส่ใจความยั่งยืน

14 ก.ย. 2022
ล่าสุด คุณญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เซ็นทรัล รีเทล มีเจตนารมณ์และความตั้งใจจริงที่จะสร้างและส่งต่อโลกที่น่าอยู่เพื่อคนรุ่นต่อ ๆ ไป
พร้อมผลักดันองค์กรเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรแรกของไทยอย่างเต็มรูปแบบ
โดยยึดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs), แนวทางพัฒนา BCG (Bio-Circular-Green Economy) และ ESG (Environment-Social-Governance)
เป็นหลักในการวางกลยุทธ์ CRC ReNEW เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด ควบคู่ไปกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน
รวมถึงเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมทุกมิติของกลุ่มธุรกิจในเครือ
ทั้งนี้ เซ็นทรัล รีเทล ได้ตั้งเป้าหมายระยะยาวที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593
พร้อมทั้งมีเป้าหมายในระยะสั้น ภายในปี 2573 ได้แก่
1. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30% (Reduce Greenhouse Gases)
2. สร้างรายได้ให้กับชุมชน 5,400 ล้านบาทต่อปี (Navigate Well-being Society)
3. ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 100% (Eco-friendly Packaging)
4. บริหารจัดการขยะและลดปริมาณขยะอาหาร 30% (Waste Management)
โดยการที่จะบรรลุเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวดังกล่าว
เซ็นทรัล รีเทลได้ ชู 4 แนวทางปฏิบัติ ภายใต้กลยุทธ์ CRC ReNEW ซึ่งจะยกระดับในการดำเนินการ ดังต่อไปนี้
1. Reduce Greenhouse Gases ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจ เช่น
- เพิ่มการใช้พลังงานสะอาด ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ บนหลังคาศูนย์การค้า และร้านค้าทั้งในไทยและเวียดนาม ซึ่งจะทำให้เซ็นทรัล รีเทล นำพลังงานแสงอาทิตย์มาทดแทนการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ถึง 30% ภายในปี 2569
- ใช้รถบรรทุกไฟฟ้า (EV Truck) ในการขนส่งสินค้า, ติดตั้งสถานีบริการชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม, ใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน และไม่สนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่าในห่วงโซ่อุปทาน
2. Navigate Society Wellbeing สร้างสังคมให้น่าอยู่
เซ็นทรัล รีเทล มุ่งเน้นลดความเหลื่อมล้ำ เป็นผู้นำในการสร้างความเท่าเทียมและสนับสนุนความหลากหลายในสังคม
ผ่านการจ้างงานและสร้างอาชีพให้คนพิการ ในปี 2564 จำนวนทั้งสิ้น 438 คน และส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิชุมชนหรือท้องถิ่น และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านโครงการจริงใจ Farmers’ Market
3. Eco-friendly Packaging ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยแนวทางปฏิบัติดังนี้
- เพิ่มการใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท Green Product ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม วัสดุรีไซเคิล วัสดุจากธรรมชาติ หรือวัสดุคุณภาพที่ใช้ได้ทนทาน
รวมถึงลดการสร้างขยะพลาสติก โดยในปี 2564 ลดการใช้ถุงพลาสติกได้รวม 160 ล้านใบ
- เพิ่ม Tops Green ร้านค้ารูปแบบใหม่ที่จำหน่ายสินค้าคุณภาพสูง ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและชุมชน รวมถึงสินค้าเกษตรอินทรีย์ ผัก ผลไม้ โดยเปิดสาขาแรกแล้วที่เชียงใหม่
4. Waste Management การจัดการขยะมูลฝอย ทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบ การเผา การก่อมลพิษและรั่วไหลสู่สิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่อุปทาน เช่น
- ลดปริมาณการสูญเสียอาหาร (Food Loss) และขยะอาหาร (Food Waste) ตั้งแต่ต้นทาง รวมถึงการส่งต่ออาหารส่วนเกินที่ยังบริโภคได้ให้แก่กลุ่มเปราะบาง และจัดการขยะอาหารโดยการทำปุ๋ยหมักและผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อใช้ประโยชน์ในชุมชน
- ยกระดับการจัดการขยะพลาสติกกับโครงการ “ขวดเปล่า ไม่สูญเปล่า” ให้สามารถนำขวดพลาสติก PET กลับมาใช้ใหม่ และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถสร้างงานและรายได้ให้กับชุมชน
- ยกระดับโครงการ Journey to Zero รณรงค์ลดขยะเหลือศูนย์ ส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวกให้กับลูกค้าและพนักงานในการลด การใช้ซ้ำ และการนำกลับมาใช้ใหม่ จัดให้มีจุดทิ้งขยะคัดแยก และส่งเสริมให้นำวัสดุหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.