วิธีอัปเกรดคุณภาพการศึกษาไทยของบ้านปูที่หลุดจากกรอบเดิม ๆ
6 ก.ย. 2022
แม้ว่าสื่อออนไลน์อย่างเช่น Google, Facebook และสื่ออื่น ๆ จะเป็นช่องทางที่ทำให้เด็กไทยสามารถค้นคว้าหาความรู้ได้มากมาย โดยไม่ต้องจำกัดอยู่แค่ห้องเรียนสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ และเมื่อโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียวก็สามารถเข้าถึงข้อมูลมหาศาลได้
แต่อีกเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือ “ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา”
แต่อีกเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือ “ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา”
สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้การศึกษาไทยจะอยู่ในกรอบเดิม ๆ ไม่ได้อีกต่อไป แต่ต้องเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ มิติ โดยเฉพาะการยกระดับคุณภาพการศึกษาให้กับโรงเรียนในทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียม เพื่อนำไปสู่ การลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้ได้
ความท้าทายนี้ ไม่ใช่แค่หน้าที่ของภาครัฐฯ หรือใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่จะต้องประสานความร่วมมือกัน
เพราะอย่าลืมว่า การพัฒนาทักษะและคุณภาพทางการศึกษาของนักเรียนในวันนี้ จะสามารถกำหนดถึงภาพอนาคตของประเทศไทยว่าจะเดินไปอย่างเข้มแข็งและมั่นคงได้เพียงใด
เพราะอย่าลืมว่า การพัฒนาทักษะและคุณภาพทางการศึกษาของนักเรียนในวันนี้ จะสามารถกำหนดถึงภาพอนาคตของประเทศไทยว่าจะเดินไปอย่างเข้มแข็งและมั่นคงได้เพียงใด
ใครจะคิดว่า ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติอย่างบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะมาช่วยพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทย
โดยในช่วงกลางปี พ.ศ. 2561 บ้านปูได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือในโครงการ “โรงเรียนร่วมพัฒนา” หรือ Partnership School Project ด้วยความเชื่อที่ว่า “พลังความรู้ คือพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา”
โดยบ้านปูได้เข้าไปช่วยเหลือ สนับสนุนและพัฒนา 3 โรงเรียน ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับตำบล คือ
1. โรงเรียนโนนสะอาดพิทยา จ.ขอนแก่น
2. โรงเรียนชุมชนโพนงามโพนสวาง จ.มหาสารคาม
3. โรงเรียนร่องคำหงษ์ทองวิทยา จ.ร้อยเอ็ด
1. โรงเรียนโนนสะอาดพิทยา จ.ขอนแก่น
2. โรงเรียนชุมชนโพนงามโพนสวาง จ.มหาสารคาม
3. โรงเรียนร่องคำหงษ์ทองวิทยา จ.ร้อยเอ็ด
โดยมีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพให้กับโรงเรียน คือ “ความเป็นเลิศด้านวิชาการ นวัตกรรม เทคโนโลยี และภาษาอังกฤษ พัฒนาผู้เรียนสู่ศตวรรษที่ 21”
ไฮไลต์ที่น่าสนใจของโครงการฯ ก็คือ การช่วยเหลือของทางบ้านปู ไม่ใช่เพียงแค่การช่วยเหลือระยะสั้นและไม่ใช่เพียงแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง
แต่เป็นการช่วยเหลือในการพัฒนาการบริหารการศึกษาในภาพรวมของทั้งโรงเรียนให้มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน อีกทั้งยังได้ปลูกฝังหลักการความยั่งยืนหรือ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) เพื่อการเป็นพลเมืองที่ดีอีกด้วย
แต่เป็นการช่วยเหลือในการพัฒนาการบริหารการศึกษาในภาพรวมของทั้งโรงเรียนให้มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน อีกทั้งยังได้ปลูกฝังหลักการความยั่งยืนหรือ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) เพื่อการเป็นพลเมืองที่ดีอีกด้วย
พอได้ยินแบบนี้ ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าโครงการ “โรงเรียนร่วมพัฒนา” มีแนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของทั้ง 3 โรงเรียนด้วยวิธีไหน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
ข้อแรก ที่น่าสนใจที่สุดก็คือ การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้บริหารในการบริหารจัดการโรงเรียน และพัฒนาศักยภาพคุณครูในการจัดการเรียนการสอนแบบทันสมัยด้วยแนวทาง Active Learning รวมถึงการจุดประกายความคิดและสร้างกำลังใจในการทำงานและการพัฒนาเด็ก ๆ
เมื่อคุณครูได้รับการฝึกอบรมในเรื่องเหล่านี้อย่างเข้มข้น ผลที่ได้รับก็คือ ครูสามารถจัดการเรียนการสอนในรูปแบบทันสมัยที่น่าสนใจมากขึ้น นักเรียนมีความเข้าใจในบทเรียนได้ง่ายขึ้น เรียนด้วยความสนุกสนาน และสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล นอกจากนี้ บ้านปูได้สนับสนุนงบประมาณเพื่อเพิ่มเติมให้นักเรียนได้เรียนรู้ทักษะอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทักษะความรู้ด้านธุรกิจ ด้วยกิจกรรมส่งเสริมอาชีพที่หลากหลาย เช่น งานช่างฝีมือ ช่างตัดผม งานประดิษฐ์มาลัย ช่อดอกไม้ การเกษตรทั้งปลูกผักและเลี้ยงสัตว์ สหกรณ์ ทั้งยังได้ฝึกทักษะการลงบัญชีเบื้องต้น การขายผลผลิตและผลิตภัณฑ์ อีกทั้งบ้านปูยังได้ส่งเสริมทักษะอื่น ๆ เช่น ด้านดนตรี ด้านกีฬา เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ ทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างหลากหลาย ทั้งยังเป็นทางเลือกสำหรับอนาคตตัวเองได้ด้วย
ข้อต่อมาก็คือ การจัดทำแผนการศึกษาร่วมกัน ระหว่างผู้บริหารโรงเรียน คณะครู และคณะทำงานของ บ้านปู โดยใช้หลักการเป็นเพื่อนคู่คิด เพื่อร่วมกันพัฒนาโรงเรียนให้ไปถึงเป้าหมาย โดยไม่ได้จำกัดแค่การพัฒนานักเรียนเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายในการให้โรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับทั้งโรงเรียนอื่น ๆ และแหล่งเรียนรู้ของชุมชน เช่น การถ่ายทอดเทคนิคการจัดการเรียนการสอนให้ครูโรงเรียนอื่น ๆ ทำให้โรงเรียนเป็นที่ศึกษาดูงานของโรงเรียนใกล้เคียง การจัดฝึกอบรมอาชีพให้ผู้ปกครองนักเรียน จัดอบรมการใช้งานแอปพลิเคชันของรัฐบาลให้กับผู้ปกครอง โดยส่วนนี้นักเรียนจะมีส่วนร่วมในการเป็นวิทยากรร่วมกับคุณครูด้วย
อีกข้อที่น่าสนใจก็คือ การนำเทคโนโลยีและไอทีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการและการเรียนการสอน ทำให้นักเรียน ได้เรียนรู้การใช้เทคโนโลยี การใช้งานคอมพิวเตอร์รวมถึงโปรแกรมต่าง ๆ การเรียน Coding และยังสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ทุกคน
หรือแม้แต่การนำแอปพลิเคชัน QR Code, Plickers หรือ SMSS มาใช้ในการตรวจสอบการเข้าเรียนของนักเรียน ไปจนถึงการจัดเรียนการสอนแบบออนไลน์ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ผ่าน Google Classroom Line Meeting, Facebook Messenger และแอปพลิเคชันต่าง ๆ
หรือแม้แต่การนำแอปพลิเคชัน QR Code, Plickers หรือ SMSS มาใช้ในการตรวจสอบการเข้าเรียนของนักเรียน ไปจนถึงการจัดเรียนการสอนแบบออนไลน์ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ผ่าน Google Classroom Line Meeting, Facebook Messenger และแอปพลิเคชันต่าง ๆ
ส่วนข้อสุดท้าย คือการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ซึ่งนอกจากมีการเพิ่มชั่วโมงเรียนภาษาอังกฤษให้มากขึ้นแล้ว ยังเป็นการสอนแบบ Active Learning แนว “Edutainment” ที่ไม่ใช่แค่การท่องจำ แต่เป็นการสอนแบบบันเทิงเชิงสาระสอดแทรกภาษาอังกฤษ
เช่น การแข่งขันเล่านิทาน กิจกรรมแสดงละครภาษาอังกฤษ จนถึงการใช้สื่อออนไลน์ ที่นำแอปพลิเคชันมาช่วยในการเรียนการสอนให้น่าสนใจมากขึ้น
เช่น การแข่งขันเล่านิทาน กิจกรรมแสดงละครภาษาอังกฤษ จนถึงการใช้สื่อออนไลน์ ที่นำแอปพลิเคชันมาช่วยในการเรียนการสอนให้น่าสนใจมากขึ้น
ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้น ใครจะคิดว่าวิธีนี้ จะได้ผลรวดเร็วเกินความคาดหมาย
เมื่อในปีการศึกษา 2563 การประเมินผลสอบของทั้ง 3 โรงเรียนในโครงการ
แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า นักเรียนสามารถทำคะแนนสอบ O-NET ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 6 และการสอบ NT ในระดับประถมศึกษาปีที่ 3 รวมทั้งการสอบ RT ในระดับประถมศึกษาปีที่ 1 เพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่าน ๆ มาอย่างน่าพอใจ
เมื่อในปีการศึกษา 2563 การประเมินผลสอบของทั้ง 3 โรงเรียนในโครงการ
แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า นักเรียนสามารถทำคะแนนสอบ O-NET ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 6 และการสอบ NT ในระดับประถมศึกษาปีที่ 3 รวมทั้งการสอบ RT ในระดับประถมศึกษาปีที่ 1 เพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่าน ๆ มาอย่างน่าพอใจ
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเด็กให้มีความรู้ความสามารถอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ
เมื่อโลกวันนี้มีความท้าทายใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ที่อาจกระทบต่อการเติบโตไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต
เมื่อโลกวันนี้มีความท้าทายใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ที่อาจกระทบต่อการเติบโตไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต
บ้านปูจึงนำแนวคิด ESG หรือการใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และการทำงานด้วยความโปร่งใส่มีคุณธรรม ซึ่งเป็นหลักที่บ้านปูใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ มาใช้ปรับใช้กับทั้ง 3 โรงเรียนในโครงการด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม การจัดการขยะ การปลูกและดูแลต้นไม้ในโรงเรียนคนละต้น และการประหยัดไฟฟ้า กิจกรรมโรงเรียนปลอดภัย กิจกรรมจิตอาสา การส่งเสริมธรรมาภิบาลในโรงเรียน สารพัดกิจกรรมที่ช่วยสร้างความเข้มแข็งทางความคิด จิตใจ การปฏิบัติเพื่อปลูกฝังการเป็นพลเมืองที่ดีให้กับสังคม
จะเห็นว่าโครงการ “โรงเรียนร่วมพัฒนา” ที่บ้านปูได้เข้าไปมีช่วยสนับสนุนนั้น
ถือเป็นการสร้างต้นแบบในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในรูปแบบใหม่ได้อย่างน่าสนใจ
ไม่ได้สอนเพียงแต่ให้เด็ก ๆ แค่ท่องจำ แต่เป็นการสร้างห้องเรียนที่มีความสนุกสนาน น่าเรียนรู้ เน้นการปฏิบัติจริง ไปจนถึงการพัฒนานักเรียนให้สามารถนำความรู้จากห้องเรียนไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง และที่สำคัญอีกประการคือ “การได้ช่วยให้โรงเรียนในชนบทได้ยกระดับคุณภาพการศึกษาให้ใกล้เคียงกับโรงเรียนในเมือง ซึ่งเป็นการเพิ่มความเท่าเทียมทางการศึกษาได้อย่างแท้จริง”
ถือเป็นการสร้างต้นแบบในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในรูปแบบใหม่ได้อย่างน่าสนใจ
ไม่ได้สอนเพียงแต่ให้เด็ก ๆ แค่ท่องจำ แต่เป็นการสร้างห้องเรียนที่มีความสนุกสนาน น่าเรียนรู้ เน้นการปฏิบัติจริง ไปจนถึงการพัฒนานักเรียนให้สามารถนำความรู้จากห้องเรียนไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง และที่สำคัญอีกประการคือ “การได้ช่วยให้โรงเรียนในชนบทได้ยกระดับคุณภาพการศึกษาให้ใกล้เคียงกับโรงเรียนในเมือง ซึ่งเป็นการเพิ่มความเท่าเทียมทางการศึกษาได้อย่างแท้จริง”
จุดนี้เองที่สะท้อนความเชื่อของกลุ่มบ้านปู ที่ว่า “พลังความรู้ คือพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา”
ที่ไม่ใช่แค่มุ่งหวังให้เด็กนักเรียนเก่งและฉลาดด้าน IQ เพียงอย่างเดียว แต่จะต้องมีความฉลาดทางด้านอารมณ์ EQ ด้วยเช่นกัน ที่สำคัญเรามุ่งหวังให้พวกเค้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่คิดดี ทำดี มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อที่จะเติบโตได้อย่างมั่นคงต่อไปในอนาคต
ที่ไม่ใช่แค่มุ่งหวังให้เด็กนักเรียนเก่งและฉลาดด้าน IQ เพียงอย่างเดียว แต่จะต้องมีความฉลาดทางด้านอารมณ์ EQ ด้วยเช่นกัน ที่สำคัญเรามุ่งหวังให้พวกเค้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่คิดดี ทำดี มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อที่จะเติบโตได้อย่างมั่นคงต่อไปในอนาคต
อ้างอิง
-เอกสารข้อมูล บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)
-เอกสารข้อมูล บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)