ผู้บริโภค ปรับตัวอย่างไร ในยุคข้าวยากหมากแพง ที่ค่าครองชีพสูงขึ้น แต่รายได้ไม่เพิ่ม..

ผู้บริโภค ปรับตัวอย่างไร ในยุคข้าวยากหมากแพง ที่ค่าครองชีพสูงขึ้น แต่รายได้ไม่เพิ่ม..

24 ส.ค. 2022
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคไทย จำนวน 2,676 คน ในช่วง 8 - 22 กรกฎาคม 2565 เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและพฤติกรรมในช่วงที่ราคาสินค้าและบริการมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
ซึ่งผลสำรวจสามารถสรุปได้เป็น 4 ประเด็นสำคัญ
1) รายได้ของผู้บริโภคส่วนใหญ่ ไม่เพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
สวนทางกับสถานการณ์ค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น โดยกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมีแนวโน้มได้รับผลกระทบมากกว่า
-แม้ว่าแนวโน้มรายได้ผู้บริโภคในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ดีขึ้นกว่าการสำรวจในช่วงปีก่อนหน้า
แต่รายได้ของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ยังทรงตัว โดย 73% ของผู้ตอบแบบสอบถาม รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
ซึ่งเมื่อพิจารณาตามรายได้ พบว่า กลุ่มรายได้น้อย (รายได้ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน) มีสัดส่วนผู้ที่รายได้ไม่เพิ่มขึ้นสูงที่สุด
-ขณะที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ มีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนถึงภาวะค่าครองชีพที่เร่งตัว
โดยกว่า 68% ระบุว่า ตนเองมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
และเกือบ 1 ใน 4 มองว่า รายจ่ายของตนเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายนั้นเกิดกับผู้บริโภคในทุกกลุ่มรายได้ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน
-ผู้บริโภคถึง 45% ระบุว่า ตนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ค่าครองชีพที่สูงขึ้นค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อย ที่สัดส่วนคนที่ได้รับผลกระทบสูงกว่ากลุ่มรายได้อื่น ๆ
ตอกย้ำให้เห็นถึงการที่ค่าครองชีพที่สูงขึ้น จะส่งผลกระทบต่อคนรายได้น้อยมากกว่า
2) รายได้ที่โตไม่ทันกับรายจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่มีปัญหารายได้ไม่พอกับรายจ่าย ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื่องทำให้การเก็บออมลดลง และคนเกือบครึ่งมีปัญหาด้านภาระการชำระหนี้
-การที่รายได้โตไม่ทันรายจ่ายในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจที่สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่
1. ปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย 2. ปัญหาด้านการเก็บออม 3. ปัญหาด้านการชำระหนี้
โดยผู้บริโภคถึง 59% กำลังเผชิญปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย
ขณะที่ 77% มีการเก็บออมที่ลดลงหรือไม่ได้เก็บออมเลยในช่วงเวลาดังกล่าว
อีกทั้งผู้บริโภคเกือบครึ่ง ยังระบุว่า ตนเองกำลังเผชิญปัญหาในการชำระหนี้
-เมื่อพิจารณาปัญหาทั้ง 3 ด้านพร้อมกัน พบว่า ผู้บริโภคถึง 64% กำลังเผชิญปัญหาด้านใดด้านหนึ่งอยู่
และราว 42% กำลังเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจมากกว่า 1 ด้านพร้อมกัน
โดยกลุ่มที่มีปัญหารอบด้านส่วนมากมีสภาพคล่องไม่เกิน 3 เดือน
-ในระยะต่อไป ผู้บริโภคส่วนมากยังคาดว่ารายจ่าย จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่ารายได้
ซึ่งอาจจะยิ่งทำให้สัดส่วนผู้บริโภคที่เผชิญปัญหา 3 ด้านนี้อาจจะมีมากขึ้น และจะยิ่งตอกย้ำความเปราะบางของภาคครัวเรือน
3) สถานการณ์ราคาสินค้าและบริการที่เร่งตัวขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อสินค้า ที่แตกต่างกันเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพ
-ผลกระทบจากราคาสินค้าที่มีการปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ปรับลดปริมาณการซื้อสินค้าและบริการในภาพรวม โดยเฉพาะผู้บริโภคในกลุ่มที่มีปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย
อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายในสินค้าจำเป็น เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง และอาหาร แม้ผู้บริโภคส่วนใหญ่มองว่าราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังบริโภคในปริมาณเท่าเดิม/เพิ่มขึ้น
-การเลือกซื้อสินค้าจัดรายการโปรโมชัน และการซื้อสินค้าออนไลน์ ถือเป็นวิธีการปรับพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่ผู้บริโภคนิยมใช้
โดยผู้บริโภคในกลุ่ม Gen Z ถือเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างอ่อนไหวต่อกลยุทธ์การตลาด เนื่องจากมีการปรับพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าหลากหลายรูปแบบกว่า Generation อื่น
ขณะที่ผู้บริโภคในกลุ่ม Baby boomer มีการปรับพฤติกรรมค่อนข้างน้อย อีกทั้งยังมีความภักดีต่อแบรนด์สินค้าสูงจากการปรับพฤติกรรม โดยการเลือกซื้อสินค้าแบบเดิมแต่ลดปริมาณเป็นหลัก
4) ผู้บริโภคยังมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย สำหรับกิจกรรมนอกบ้าน และมีแนวโน้มส่งผลต่อเนื่องในระยะข้างหน้า
อย่างไรก็ดี การซื้อสินค้าออนไลน์ และการใช้บริการ Food delivery มีแนวโน้มกลายเป็นหนึ่งในพฤติกรรม New normal
-ในระยะ 6 เดือนข้างหน้า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมนอกบ้านลดลง เนื่องจากความกังวลด้านสุขภาพอนามัย และผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคกลุ่มที่ไม่มีปัญหาทางการเงิน มีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายในกิจกรรมนอกบ้านเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นจาก Pent-up demand ที่การใช้จ่ายถูกจำกัดในช่วงที่มีมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มงวด
ดังนั้น ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมนอกบ้าน อาจต้องสร้างความมั่นใจในด้านสุขอนามัย และจัดกิจกรรมทางการตลาด เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค
-ผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้บริการซื้อสินค้าออนไลน์ และ Food delivery ต่อไปในระยะข้างหน้า เนื่องจากความสะดวกรวดเร็วและโปรโมชันด้านราคาบน Online platform แม้ผู้บริโภคบางส่วนในกลุ่มที่ไม่มีปัญหาทางการเงิน มีแนวโน้มใช้บริการดังกล่าวลดลง จากการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น
เช่น การทานอาหารที่ร้าน หรือออกไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์การตลาดแบบ Omni-channel ที่เชื่อมโยงช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการเสนอทางเลือกที่หลากหลายให้ผู้บริโภค
อ่านบทวิเคราะห์ฉบับเต็ม > https://www.scbeic.com/th/detail/product/consumer-survey-240822
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.