เอปสัน กับภารกิจพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรม บนพื้นฐานความยั่งยืน เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้น

Sustainability ที่หมายถึง ความยั่งยืน จะไม่ใช่แค่ไอเดียหรือแคมเปญเพื่อสังคมอีกต่อไป..

เพราะตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ผู้คนนิยมหันมาบริโภคสินค้า จากบริษัทที่ยึดถือหลักความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น
ในขณะที่หลายบริษัทในระดับโลก ต่างก็หันมาให้ความสำคัญในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง

การดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับความยั่งยืน จึงกลายเป็นหลักปฏิบัติขององค์กรธุรกิจ ที่ไม่ได้เป็นแค่เรื่องชั่วคราว หรือเป็นกระแสที่มาแล้วไป แต่เป็นเรื่องที่ทุกองค์กรควรมี

ซึ่ง คุณซิ่ว จิน เกียด ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดประจำภูมิภาค เอปสัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กล่าวถึงเอปสัน ผู้ผลิตเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์และโปรเจกเตอร์อันดับหนึ่งของโลก จากประเทศญี่ปุ่น
ที่ยกให้เรื่องความยั่งยืน เป็น “หัวใจ” ในการขับเคลื่อนธุรกิจ

ที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนที่เป็นแรงผลักดันให้หลักการความยั่งยืน กลายเป็นเรื่องปกติที่ทุกองค์กรควรมี ก็คือ กลุ่ม Millennials และ Gen Z

เหตุผลก็เพราะว่า พวกเขาไม่ได้มองราคาเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว
แต่ยังมองถึงผลกระทบระยะยาวต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการมีส่วนร่วมในการตอบแทนสังคม

การที่ผู้ผลิตสามารถแสดงออกถึงแนวคิดและบทบาทของบริษัทในการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม จับต้องได้ ถือเป็นความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันทางธุรกิจอย่างมาก

เพราะไม่เพียงแต่จะรักษาพนักงานไว้กับองค์กร แต่ยังช่วยปกป้องบริษัทจากประเด็นสังคมต่าง ๆ รวมถึงเพิ่มความน่าเชื่อถือ และทำให้ผู้บริโภคเต็มใจที่จะซื้อสินค้าและบริการของบริษัทนั้น ๆ อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

แล้ว เอปสัน เปลี่ยนบทบาทของบริษัทฯ ให้กลายเป็นองค์กรเพื่อความยั่งยืน อย่างเป็นรูปธรรม อย่างไร ?

เอปสัน เริ่มต้นจากการเป็นโรงงานผลิตนาฬิกาข้อมือเมื่อปี 1940 ก่อนจะขยายธุรกิจไปยังหลากหลายสายเทคโนโลยี และมีสำนักงานสาขากระจายอยู่ทั่วโลก

แรกเริ่ม บริษัทฯ มีเป้าหมายด้าน CSR อย่างชัดเจน
ด้วยการรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมรอบทะเลสาบซูวะ ในจังหวัดนากาโนะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทฯ ให้สะอาดและมีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ก่อนจะเติบโตขึ้น และกลายเป็นบริษัทแรกของโลก ที่ประกาศว่าจะกำจัดสารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน หรือ สาร CFC ซึ่งเป็นต้นเหตุของการทำลายชั้นโอโซน ออกจากกระบวนการผลิตทั้งหมด

ซึ่งบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในปี 1993 ก่อนที่ในปี 2004 จะเข้าร่วมข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และได้ประกาศให้การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติ

ปัจจุบัน เอปสันยังคงพัฒนานวัตกรรมมากมาย ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตของผู้คนและสร้างโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น
แม้ว่าในปัจจุบัน มีการรณรงค์ลดการใช้กระดาษเพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ทำให้ความต้องการด้านการพิมพ์ลดน้อยลง และหันไปใช้ไฟล์ดิจิทัลมากขึ้น
แต่ในภาคธุรกิจ ความต้องการการพิมพ์และการใช้กระดาษก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น หน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ จึงยังคงมองหาโซลูชัน ที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจได้อย่างคล่องตัว

เอปสัน ได้นำหลักความยั่งยืนมาใช้ ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนงานด้านผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต ตลอดจนขั้นตอนการบรรจุห่อและโลจิสติกส์

เพื่อให้มั่นใจว่านวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ทุกรุ่น จะช่วยส่งเสริมสภาพสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น ในฐานะผลผลิตที่สะท้อนถึงการนำหลักความยั่งยืนมาใช้

ล่าสุด เอปสัน ได้เปิดตัวแคมเปญ “Be Cool” นำเสนอโซลูชันเพื่อการพิมพ์งานภายในองค์กรผ่านเทคโนโลยี Heat-Free ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ไม่ใช้ความร้อนในกระบวนการพิมพ์ จึงช่วยให้ประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ทั่วไปถึง 85%

นอกจากนี้ ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 85%
และเนื่องจากไม่มีการใช้ความร้อน ทำให้มีชิ้นส่วนหรืออะไหล่ภายในตัวเครื่องที่น้อยกว่า
ช่วยลดการใช้ชิ้นส่วนได้มากถึง 59% เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์

เอปสันยังมีแผนพัฒนาและนำเสนอระบบรีไซเคิลกระดาษแบบแห้ง
หรือที่เรียกว่า Epson PaperLab ให้กับทุกสำนักงาน
ข้อดีของเทคโนโลยีนี้ คือ สามารถนำกระดาษที่ใช้แล้ว มาย่อยสลายและขึ้นรูปให้กลับมาเป็นกระดาษใหม่ได้

นอกเหนือจากเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ เอปสันยังได้แสดงออกถึงจุดยืนในการสนับสนุนความยั่งยืน ผ่านกิจกรรม CSR ตาม Sustainable Development Goals ขององค์การสหประชาชาติมาโดยตลอด

เช่น การร่วมกับมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดกิจกรรม “Wheel for Wild” ปั่นพิทักษ์ป่าขึ้น

โดยให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมปั่นจักรยาน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับเครื่องพิมพ์ Heat-Free ของเอปสัน เพื่อใช้ในการพิมพ์ประกาศนียบัตรจากทางมูลนิธิฯ
ซึ่งเอปสันจะร่วมสมทบทุน 30 บาท ต่อประกาศนียบัตร 1 ใบที่ถูกพิมพ์ออกมา มอบให้กับมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย
เพื่อนำไปใช้ในการรณรงค์ป้องกันการสูญพันธุ์ของสัตว์และพรรณพืชหายากในประเทศไทยต่อไป

และในปี 2020 ที่ผ่านมา EcoVadis บริษัทจัดอันดับองค์กรด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ได้ประเมินองค์กรธุรกิจมากกว่า 75,000 บริษัท จาก 200 อุตสาหกรรม ใน 160 ประเทศทั่วโลก
และมอบเหรียญแพลทินัม ด้านความยั่งยืนให้แก่ ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น เพื่อเป็นการยกย่องความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการพัฒนาโครงการ CSR ออกมาอย่างต่อเนื่อง

โดยเอปสัน ถูกจัดอยู่ในกลุ่มองค์กรที่ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งมีเพียง 1% ในอุตสาหกรรมการผลิตคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง

ภารกิจของเอปสัน นอกจากจะสร้างความไว้วางใจให้กับทุกภาคส่วน ด้วยการเติบโตของธุรกิจ ความสำเร็จในการดำเนินงาน และพันธกิจเพื่อการสร้างโลกที่ดีขึ้น

ความมุ่งมั่นที่จะลดการก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อน ก็เป็นอีกหนึ่งหลักปฏิบัติที่เอปสันทำไปพร้อม ๆ กับการให้ความรู้กับสาธารณชน และทำงานร่วมกับเยาวชน
เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนต่อไป..