DBS Denla British School ลงทุนกว่า 600 ล้านบาท เดินหน้าขยายอาคารเรียน เพื่อรองรับนักเรียนระดับ ม.ปลาย
11 ก.พ. 2022
ผศ. ดร. ต่อยศ ปาลเดชพงศ์ กรรมการบริหารโรงเรียนนานาชาติ DBS Denla British School หนึ่งในโรงเรียนนานาชาติชั้นนำระดับภูมิภาค เปิดเผยว่า ยุคดิจิทัลดิสรัปชัน-โควิดดิสรัปชัน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านวิถีการดำเนินชีวิต
ดังนั้นทักษะที่สำคัญในการใช้ชีวิตและการทำงานในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วย
1. ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม คิดอย่างสร้างสรรค์ ใส่ใจในนวัตกรรมใหม่ ๆ รักการเรียนรู้ตลอดชีวิต
1. ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม คิดอย่างสร้างสรรค์ ใส่ใจในนวัตกรรมใหม่ ๆ รักการเรียนรู้ตลอดชีวิต
2. ทักษะสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี อัปเดตทุกข้อมูลข่าวสาร รู้เท่าทันสื่อ รอบรู้เทคโนโลยีสารสนเทศ ฉลาดในการสื่อสาร
3. ทักษะด้านชีวิตและอาชีพ มีความยืดหยุ่น รู้จักปรับตัว ริเริ่มสิ่งใหม่ ใส่ใจดูแลตัวเอง รู้จักเข้าสังคม เรียนรู้วัฒนธรรมต่าง ๆ มีความเป็นผู้นำ รับผิดชอบต่อหน้าที่ แก้ปัญหาเป็น สื่อสารดี เต็มใจร่วมมือ
ดังนั้น DBS มุ่งให้เด็กวัยเรียนวัยรุ่นมีความรู้และทักษะในศตวรรษที่ 21 ครบถ้วน รู้จักคิด วิเคราะห์ รักการเรียนรู้ มีสำนึกพลเมือง มีความกล้าหาญทางจริยธรรม มีความสามารถในการแก้ปัญหา ปรับตัว สื่อสารดี และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
พร้อมด้วยการจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีที่สุด เพื่อสนับสนุนนักเรียนให้สามารถแข่งขันในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในศตวรรษที่ 21
สำหรับในปี 2565 โรงเรียนนานาชาติ DBS ประกาศทิศทางและนโยบายการขับเคลื่อนโรงเรียนนานาชาติ
โดยเดินหน้าขยายเปิดการเรียนการสอนรองรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 ถึง 6 (Year 11- 13) อายุระหว่าง 14-18 ปี ซึ่งดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ โดยมุ่งมั่นสร้างสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อนักเรียนของเรา (Building for the Best because You are the Best)
โดยเดินหน้าขยายเปิดการเรียนการสอนรองรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 ถึง 6 (Year 11- 13) อายุระหว่าง 14-18 ปี ซึ่งดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ โดยมุ่งมั่นสร้างสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อนักเรียนของเรา (Building for the Best because You are the Best)
โดยโรงเรียนได้ปูพื้นฐานความพร้อมทางด้านความรู้และทักษะอนาคต ทั้งฮาร์ดสกิลและซอฟต์สกิล (Hard Skills & Soft Skills) ให้แก่นักเรียนตั้งแต่ยังเล็ก
พร้อมลงทุนสร้างอาคารเรียนและสิ่งอํานวยความสะดวก (Facilities) เพื่อสนับสนุน “เป้าประสงค์แห่งการเรียนรู้” หรือ “Purpose of Learning” ตามหลักสูตรการศึกษาของประเทศอังกฤษโมเดลโรงเรียนเอกชน (British Independent School Curriculum)
ซึ่งเป้าประสงค์แห่งการเรียนรู้ ประกอบด้วย
1. Self-discovery คือ การให้เด็กสามารถค้นพบตัวตนได้ตั้งแต่ยังเล็ก DBS มีสิ่งอำนวยความสะดวกสนับสนุนด้านความรู้และกิจกรรมเพื่อให้เด็ก ๆ ได้ทดลอง ทดสอบ หาความชอบความถนัดของตน
1. Self-discovery คือ การให้เด็กสามารถค้นพบตัวตนได้ตั้งแต่ยังเล็ก DBS มีสิ่งอำนวยความสะดวกสนับสนุนด้านความรู้และกิจกรรมเพื่อให้เด็ก ๆ ได้ทดลอง ทดสอบ หาความชอบความถนัดของตน
2. Self-learning คือ ทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นทักษะที่เด็กพึงมีและจะเป็นทักษะที่จะติดตัวพวกเขาไปตลอดชีวิต ความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเองจะทำให้เด็กสามารถต่อยอดและพัฒนาศักยภาพตนเองได้อย่างยั่งยืน
ซึ่งอาคารเรียนและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ DBS กำลังสร้างใหม่นี้ มีขึ้นสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยม อาทิ Auditorium, Design Technology suite, IT suite, Senior Library, Sixth Form Centre, House Common Rooms, Art Studios และอื่น ๆ เป็นต้น
เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้เข้ามาค้นคว้า เรียนรู้ และทำงานวิจัยด้วยตนเอง
โดยเฉพาะนักเรียนชั้นโตสุดที่ตามหลักสูตรอังกฤษเรียกว่า Sixth Form พวกเขาจะได้ฝึกเรียนรู้ด้วยตนเองเหมือนกับนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย
โดยเฉพาะนักเรียนชั้นโตสุดที่ตามหลักสูตรอังกฤษเรียกว่า Sixth Form พวกเขาจะได้ฝึกเรียนรู้ด้วยตนเองเหมือนกับนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย
ทั้งนี้ หลักสูตรอังกฤษเป็นหลักสูตรที่มุ่งเตรียมความพร้อมให้กับการดำเนินชีวิตของเด็กในอนาคต โดยเฉพาะในยุคนี้ที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หรือที่เรียกว่ายุคดิสทรัปชัน
“วันนี้การดิสทรัปชันเกิดขึ้นกับทุกภาคส่วน รวมทั้งภาคการศึกษา ผมมองว่าการที่เราปูพื้นฐานการศึกษาที่มั่นคงให้แก่เด็ก ๆ ตั้งแต่ยังเล็ก ทั้งพื้นฐานทางความรู้ที่แข็งแกร่งและทักษะชีวิตต่าง ๆ ที่พวกเขาพึงมี เด็กเหล่านี้จะโตและสามารถปรับตัวได้กับทุกความท้าทายในชีวิต
ผมเชื่อว่าทุกอย่างเริ่มต้นจากการศึกษาที่ดี ซึ่งการเตรียมความพร้อมให้แก่เด็ก ๆ เริ่มต้นได้ที่โรงเรียน DBS เรามีเป้าหมายว่า “Nurturing Great Global Leaders” คือ นักเรียนของเราจะต้องเติบโตออกไปเป็นผู้นำที่ดีของโลก ซึ่งคำว่า “ผู้นำ” นี้เราไม่ได้หมายความว่า พวกเขาจะต้องเรียนจบแล้วไปเป็นนายกรัฐมนตรี นักการเมือง เจ้าของธุรกิจ
แต่คำว่า “ผู้นำที่ดี” ของเราในที่นี้ หมายถึงบุคคลที่มีทักษะความเป็นผู้นำ รอบรู้ รอบด้าน สร้างสรรค์ เป็นนักพัฒนา หรือเรียกว่า “ประชากรคุณภาพของโลก” ผศ. ดร.ต่อยศ ปาลเดชพงศ์ กล่าว
สำหรับเป้าหมาย Nurturing Great Global Leaders นี้ เป็นการดำเนินงานภายใต้ 5 เสาหลัก ประกอบด้วย
1. An Enhanced British Curriculum หลักสูตรอังกฤษแบบโรงเรียนเอกชน ที่มีการเพิ่มชั่วโมงเรียนให้นักเรียนได้มีเวลาค้นคว้าหาสิ่งที่ตนเองชอบ เพื่อเป้าประสงค์ของการ Self-discovery
2. Academic Excellence for All ความเป็นเลิศทางวิชาการ โดยการผลักดันให้นักเรียนสามารถเข้าถึงหลักสูตรการเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งหลักสูตรเป็น 3 ภาษา คือ อังกฤษ ไทย และจีน นักเรียนทุกคนจะต้องมีความเป็นเลิศทางด้านวิชาการและสิ่งที่พวกเขาสนใจ
3. Entrepreneurship and Creative Thinking การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และปลูกฝังทักษะความเป็นผู้ประกอบการ
4. Thai Values in a Global Context การปลูกฝังพื้นฐานภาษา วัฒนธรรมไทย ทัศนคติต่อชุมชนและต่อโลก ถึงแม้ว่าเราจะเป็นโรงเรียนนานาชาติ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในบริบทของสังคมไทย คือ วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมไทย เพราะเราอยู่ประเทศไทยและนักเรียนส่วนใหญ่เป็นคนไทย เด็กต้องสามารถปรับตัวให้สอดรับกับทุกบริบทของทุกที่ทั่วโลก เป็นพลเมืองโลก (Global Citizen) ได้อย่างแท้จริงโดยที่ยังคงคุณค่าความเป็นไทย
5. Wellbeing and Sustainability ความเป็นอยู่ที่ดีและความยั่งยืน เราให้ความสำคัญกับความอยู่ดีกินดีของนักเรียน รวมถึงบุคลากรโรงเรียน เพราะเราถือว่าโรงเรียนคือบ้านหลังที่ 2 ของพวกเขา
โรงเรียนนานาชาติ DBS ใช้หลักสูตรการเรียนการสอนของประเทศอังกฤษ ภายใต้แนวคิดการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนเอกชน ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในหลักสูตรที่ดีที่สุดในโลก เพราะเป็นหลักสูตรที่บ่มเพาะให้นักเรียนเป็นผู้ที่มีความรู้รอบ ทั้งด้านวิชาการ กิจกรรม และทักษะชีวิต
เปรียบเทียบเหมือนพีระมิดทรงสามเหลี่ยม โดยช่วงฐานกว้างของพีระมิด คือ การเรียนระดับชั้นเด็กเล็ก ซึ่งนักเรียนจะได้เรียนรู้และลองทำกิจกรรมหลากหลายทั้งที่ตนสนใจและไม่สนใจ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ค้นหาตัวเองว่าชอบอะไรและถนัดด้านไหน
ซึ่งระบบเอกชนอังกฤษมีชั่วโมงการเรียนในแต่ละวันที่ยาวนานกว่าโรงเรียนธรรมดา ที่เรียกว่า Extended Day ทำให้เด็กสามารถเรียนรู้ที่โรงเรียนได้มากขึ้น
ส่วนยอดบนสุดของพีระมิด คือ การเรียนของระดับชั้นเด็กโต ซึ่งมุ่งเน้นให้นักเรียนได้เรียนในสิ่งที่สนใจจนกลายเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาที่ตนเลือก
มิสเตอร์จอนนี่ ลิดเดิ้ล (Mr. Jonny Liddell) ครูใหญ่โรงเรียนนานาชาติ DBS เปิดเผยต่อว่า
สำหรับการศึกษาแบบโรงเรียนเอกชนอังกฤษ ไม่ได้มุ่งเน้นด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ค้นพบพรสวรรค์ทั้งทางด้านวิชาการ กีฬา ศิลปะ และนวัตกรรมใหม่ ๆ อีกด้วย โดยโรงเรียนได้เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยี อุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย มาสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้
สำหรับการศึกษาแบบโรงเรียนเอกชนอังกฤษ ไม่ได้มุ่งเน้นด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ค้นพบพรสวรรค์ทั้งทางด้านวิชาการ กีฬา ศิลปะ และนวัตกรรมใหม่ ๆ อีกด้วย โดยโรงเรียนได้เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยี อุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย มาสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้
ปัจจุบันมีอาคารทั้งหมด 5 อาคาร ประกอบด้วย
1. อาคารเรียนสำหรับเด็กชั้นเตรียมอนุบาล (Mini Dragons)
2. อาคารเรียนสำหรับนักเรียนระดับชั้นอนุบาล จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 4 (EY1-Year 11)
3. อาคารอเนกประสงค์สำหรับกิจกรรมและกีฬาต่าง ๆ เช่น โรงละครขนาดเล็ก (Black Box) สระว่ายน้ำ และ Dance Studio
4. พื้นที่โซนสนามกีฬาภายนอก ได้แก่ สนามฟุตบอล สนามรักบี้ ลู่วิ่ง สนามบาสเก็ตบอล สนามเทนนิส และกอล์ฟ
5. อพาร์ตเมนต์สำหรับเจ้าหน้าที่และครูต่างชาติ
1. อาคารเรียนสำหรับเด็กชั้นเตรียมอนุบาล (Mini Dragons)
2. อาคารเรียนสำหรับนักเรียนระดับชั้นอนุบาล จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 4 (EY1-Year 11)
3. อาคารอเนกประสงค์สำหรับกิจกรรมและกีฬาต่าง ๆ เช่น โรงละครขนาดเล็ก (Black Box) สระว่ายน้ำ และ Dance Studio
4. พื้นที่โซนสนามกีฬาภายนอก ได้แก่ สนามฟุตบอล สนามรักบี้ ลู่วิ่ง สนามบาสเก็ตบอล สนามเทนนิส และกอล์ฟ
5. อพาร์ตเมนต์สำหรับเจ้าหน้าที่และครูต่างชาติ
ขณะนี้ DBS กำลังก่อสร้างอาคารหลังใหม่จำนวน 2 อาคาร ซึ่งอยู่ในส่วนการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารใหม่ของ DBS ครั้งนี้ คือ เป็นการพัฒนาระยะที่ 2 ของโรงเรียน และคาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปีนี้ เพื่อรองรับนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่จะเข้ามาเรียนเพิ่มขึ้นในปีการศึกษาถัดไป
โดยจะมีห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ (IT suite) โรงละครและหอประชุมขนาด 665 ที่นั่ง
ห้องซ้อมดนตรีและเวที ฟิตเนสเซ็นเตอร์ สตูดิโอศิลปะ สตูดิโอด้านประติมากรรม และสตูดิโอออกแบบ คุณภาพและความทันสมัยของอาคารเรียน
และสิ่งอํานวยความสะดวกของ DBS อยู่ในระดับเดียวกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก
ห้องซ้อมดนตรีและเวที ฟิตเนสเซ็นเตอร์ สตูดิโอศิลปะ สตูดิโอด้านประติมากรรม และสตูดิโอออกแบบ คุณภาพและความทันสมัยของอาคารเรียน
และสิ่งอํานวยความสะดวกของ DBS อยู่ในระดับเดียวกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก
มิสเตอร์จอนนี่กล่าวเน้นย้ำถึงการส่งเสริมให้นักเรียน มีทั้งองค์ความรู้เชิงวิชาการและความสามารถทางด้านทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ทั้งด้านการคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร และการทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในทุกยุคทุกสมัย
อย่างไรก็ตาม คุณจอนนี่กล่าวว่า โรงเรียนไม่สามารถสอนทุกอย่างได้ แต่การที่ให้นักเรียนได้มีโอกาสพัฒนาความรู้เชิงลึก (Knowledge-rich curriculum) จะเป็นการเปิดทักษะที่สำคัญ คือ ความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-learning) ซึ่งพวกเขาจะสามารถปรับตัวและเผชิญกับทุกความท้าทายในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างยั่งยืน
ดร. เต็มยศ ปาลเดชพงศ์ กรรมการบริหารโรงเรียนนานาชาติ DBS อีกท่าน เปิดเผยต่อว่า
ปัจจุบันมีโรงเรียนนานาชาติเป็นจำนวนกว่า 200 แห่ง โดยเป็นโรงเรียนระดับพรีเมียม 73 แห่ง หรือคิดเป็น 36% มีอัตราการเติบโตปีละ 9% เมื่อเทียบกับย้อนหลังไปประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมาที่มีอัตราการเติบโตแบบดับเบิลดิจิตถึง 4 ปีซ้อน
ปัจจุบันมีโรงเรียนนานาชาติเป็นจำนวนกว่า 200 แห่ง โดยเป็นโรงเรียนระดับพรีเมียม 73 แห่ง หรือคิดเป็น 36% มีอัตราการเติบโตปีละ 9% เมื่อเทียบกับย้อนหลังไปประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมาที่มีอัตราการเติบโตแบบดับเบิลดิจิตถึง 4 ปีซ้อน
เรียกได้ว่าโรงเรียนนานาชาติของไทยเติบโตสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อ้างอิงข้อมูลจากสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย)
สำหรับมุมมองในภาพรวมของโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย แนวโน้มการลงทุนด้านการศึกษาซึ่งพ่อแม่ยุคปัจจุบันจะส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติ เพราะมีความมั่นใจในการปูพื้นฐานให้เด็กสามารถพัฒนาศักยภาพไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่มีความพร้อมในการแข่งขันทั้งทางด้านธุรกิจและการใช้ชีวิต
“วันนี้การวัดค่าความสำเร็จของนักเรียนเปลี่ยนไป เพราะไม่ได้วัดความสำเร็จของเด็กที่แค่สอบติดหมอหรือวิศวะอีกต่อไป ผู้ปกครองยุคใหม่เปิดใจและสนับสนุนให้ลูกค้นหาความถนัดของตนเอง มีมุมมองที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตที่ว่าจะส่งลูกเรียนโรงเรียนอะไรก็ได้ตอนเด็ก ๆ แล้วเมื่อโตขึ้นก็ค่อยส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัยดี ๆ
แต่ปัจจุบันพวกเขามีความคิดว่าต้องลงทุน “Invest Now” เพื่อ “Harvest in the future” นั่นคือ การลงทุนเรื่องการศึกษาให้ลูกในวันนี้ เพื่อให้ลูกมีความรู้และทักษะรอบด้านตั้งแต่พวกเขายังเล็ก พอพวกเขาเติบโตจะเป็นบุคคลคุณภาพที่มีความเพรียบพร้อมในทุกด้าน และมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จสูง
ด้วยการมีความรู้และทักษะชีวิตที่พร้อมตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้ลูกมีความพร้อมที่จะฟันฝ่าทุก ๆ ความท้าทายบนโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา” ดร. เต็มยศ ปาลเดชพงศ์ กล่าว
สำหรับการรองรับการแข่งขันในตลาดที่ดีที่สุด ดร. เต็มยศ เปิดเผยกลยุทธ์ทางการตลาดของโรงเรียนว่า กลยุทธ์ทางการตลาดที่ดีที่สุด คือ Word-of-Mouth หรือการบอกต่อ
ดังนั้นกลยุทธ์ทางการตลาดของ DBS ก็คือการที่โรงเรียนจะต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพราะว่าตอนนี้โรงเรียนนานาชาติมีเยอะขึ้นมากในประเทศไทย ผู้บริโภคก็มีทางเลือกมากขึ้นเช่นกัน
ดังนั้นกลยุทธ์ทางการตลาดของ DBS ก็คือการที่โรงเรียนจะต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพราะว่าตอนนี้โรงเรียนนานาชาติมีเยอะขึ้นมากในประเทศไทย ผู้บริโภคก็มีทางเลือกมากขึ้นเช่นกัน
สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องโฟกัสที่ตัวของเราเอง พยายามพัฒนาทำให้โรงเรียนของเรามีคุณภาพที่ดีที่สุด เพราะนี่คือการลงทุนกับการศึกษาของเด็ก เป็นการลงทุนกับคน เราต้องการทำให้นักเรียนของเราได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากโรงเรียน DBS
ซึ่งนอกจากการพัฒนาทางด้านหลักสูตร พัฒนาอาคารสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวก และการจัดการและการให้บริการของโรงเรียนแล้ว สิ่งที่ DBS ได้พัฒนาอีกก็คือบุคคล
นักเรียนของ DBS จะต้องไม่เก่งอย่างเดียว เพราะเขาจะต้องมีความฉลาดทางอารมณ์ จะต้องเป็นคนเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และกลับมาสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้สังคมบ้านเกิด เป็นประชากรที่ดีให้กับประเทศชาติและกับโลกด้วย
นักเรียนของ DBS จะต้องไม่เก่งอย่างเดียว เพราะเขาจะต้องมีความฉลาดทางอารมณ์ จะต้องเป็นคนเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และกลับมาสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้สังคมบ้านเกิด เป็นประชากรที่ดีให้กับประเทศชาติและกับโลกด้วย