Sanrio ปรับกลยุทธ์สู่โลกดิจิทัล เตรียมนำ Hello Kitty บุก Metaverse
31 ม.ค. 2022
ช่วงหลายปีมานี้ ตัวละครหรือการ์ตูนที่มาแรง ส่วนใหญ่แล้วน่าจะมาจาก Disney หรือไม่ก็จากแอนิเมชันของญี่ปุ่น จนหลาย ๆ คน อาจจะลืมหรือแม้แต่เด็กรุ่นใหม่ อาจจะไม่รู้จักตัวละครที่เคยดังมาก ๆ อย่าง “Hello Kitty” จากค่าย Sanrio กันไปแล้ว
หลังจากที่เงียบหายไปพักใหญ่ ล่าสุด Sanrio ก็ประกาศถึงแผนในการฟื้นฟูบริษัทแล้ว ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าทำออกมาได้ดี ก็น่าจะกลับมาครองใจผู้คนได้อีกครั้ง
โดยด้าน Tomokuni Tsuji CEO ของ Sanrio ในวัย 33 ปี ที่ขึ้นมารับตำแหน่งเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2020 หลังจากที่ Shintaro Tsuji ผู้ก่อตั้งวัย 94 ปี ได้ลาออกจากตำแหน่ง และส่งไม้ต่อให้กับหลานชายของเขาเอง
ได้กล่าวถึงแผนในการฟื้นฟูบริษัทว่า พวกเขาวางแผนที่จะทำให้ทั้งโลกออฟไลน์ และโลกเสมือนอย่าง Metaverse เต็มไปตัวละครอย่าง Hello Kitty
ซึ่งเพื่อให้เป็นไปตามแผนนี้ บริษัทจึงอยู่ระหว่างการมองหาความร่วมมือกับ Amazon, Netflix หรือยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายอื่น ๆ รวมถึงยังวางแผนที่จะวางขายสินค้าในรูปแบบ NFT ด้วย
Tomokuni Tsuji ยังบอกด้วยว่า “ปัจจุบันนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ทำเพียงแค่วางรูปภาพของตัวละครลงไปในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แล้วจะทำให้ตัวละครเหล่านี้มีความเติบโต”
ยกตัวอย่าง แอนิเมชันยอดนิยมอย่าง Demon Slayer ที่ชาวญี่ปุ่นต้องแย่งชิงเพื่อให้ได้ถังป๊อปคอร์นหรือสินค้าพิเศษอื่น ๆ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ตัวละครหรือตัวการ์ตูนร่วมสมัยในปัจจุบันที่ได้รับความนิยมนั้น มีต้นกำเนิดได้จากหลากหลายทาง
“นี่จึงเป็นเหตุผลว่า เมื่อเราจะสร้างตัวละครใหม่ ๆ เราไม่เพียงแแค่คิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จะวางขายเท่านั้น แต่ยังคิดไปถึงวิธีการใช้โซเชียลมีเดีย หรือการนำตัวละครนั้น ๆ ไปทำเป็นแอนิเมชัน มังงะ หรือเกม อีกด้วย”
โดยที่ผ่านมา Sanrio ได้เปิดตัว “Aggretsuko” การ์ตูนแอนิเมชันที่สตรีมบน Netflix ซึ่งได้รับนิยมไปไกลถึงสหรัฐฯ จึงมีด้วยกันถึง 4 ซีซัน
ซึ่ง Tomokuni Tsuji บอกว่า “เป็นผลมาจากการได้ร่วมมือกับทาง Netflix ดังนั้นการทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง Amazon Prime จะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เพื่อสร้างความเติบโตของบริษัทในอนาคต”
นอกจากนี้ ยังมีการบอกว่าด้วยว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าบริษัทจะร่วมมือกับ Sony, Nintendo และบริษัทบันเทิงของญี่ปุ่น เพื่อสร้างคอนเทนต์ต่าง ๆ ทั้งรายการและเกม
รวมถึงในช่วงธันวาคมที่ผ่านมา Sanrio ยังเป็นเจ้าภาพในการจัดงานเทศกาลดนตรีบนโลก Metaverse โดยใช้ชื่อว่า “Sanrio Virtual Fes” ด้วย
Tomokuni Tsuji บอกว่า “จะไม่มีความล้าหลังของ Sanrio ในด้านดิจิทัลแล้ว Sanrio จะมุ่งสู่โลก Metaverse และ NFT ให้มากขึ้น”
สำหรับ Sanrio บริษัทนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่ในปี 2013 ที่ผลประกอบการมีแนวโน้มไม่ค่อยดี
ในขณะที่ Frozen ของ Disney สามารถตีตลาดทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป และประสบความสำเร็จอย่างมาก
ในขณะที่ Frozen ของ Disney สามารถตีตลาดทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป และประสบความสำเร็จอย่างมาก
ประกอบกับสถานการณ์โควิด 19 ที่ส่งผลกระทบหนัก ทำให้ร้านค้า, สวนสนุกต่าง ๆ ต้องปิดการดำเนินการ จึงทำให้กำไรจากการขายสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ นั้นลดลง
สุดท้ายนี้ ต้องติดตามกันต่อไปว่า Sanrio ที่จะโดดเข้าสู่โลก Metaverse รุกสู่ดิจิทัลมากขึ้น จะมีหน้าตาออกมาเป็นอย่างไร
และบริษัทจะสามารถพลิกฟื้น ทำให้ตัวละครต่าง ๆ กลับมาเป็นที่พูดถึงกันในระดับโลกได้อีกหรือไม่
และบริษัทจะสามารถพลิกฟื้น ทำให้ตัวละครต่าง ๆ กลับมาเป็นที่พูดถึงกันในระดับโลกได้อีกหรือไม่