“คุณแม่จู้” ร้านขายของฝาก อายุ 80 ปี ที่ใครมาเที่ยวภูเก็ต แล้วต้องซื้อ
7 พ.ย. 2021
หากใครมาเที่ยวภูเก็ต แล้วอยากซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับไป
เชื่อว่า “ร้านคุณแม่จู้” น่าจะอยู่ในตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของใครหลายคน
เชื่อว่า “ร้านคุณแม่จู้” น่าจะอยู่ในตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของใครหลายคน
โดยร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องเมนูเด็ดอย่าง “น้ำพริกกุ้งเสียบ”, “แกงไตปลา”, “ขนมเต้าส้อ” และยังมีขนมยอดฮิตอีกมากมายที่มาแล้วต้องซื้อ
แต่ในเมื่อภูเก็ตไม่ได้มีร้านขายของฝากเพียงเจ้าเดียว และร้านอื่น ๆ ก็มีของฝากเป็นอาหารทะเลหรือขนมคล้าย ๆ กัน
อะไรที่ทำให้ “ร้านคุณแม่จู้” กลายเป็นหนึ่งใน Top of Mind ของนักท่องเที่ยว
และเป็นสินค้า OTOP ที่ทำรายได้กว่า 200 ล้านบาท ในช่วงก่อนโควิด ?
และเป็นสินค้า OTOP ที่ทำรายได้กว่า 200 ล้านบาท ในช่วงก่อนโควิด ?
ร้านคุณแม่จู้ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2482 หรือเมื่อ 82 ปีที่แล้ว โดย คุณแม่หงวดจู้ สันติกุล หรือคุณแม่จู้
โดยคุณแม่จู้ เป็นเด็กหญิงกำพร้าที่อาศัยอยู่กับคุณปู่ ซึ่งเป็นกำนันบ้านสะปำ
โดยคุณแม่จู้ เป็นเด็กหญิงกำพร้าที่อาศัยอยู่กับคุณปู่ ซึ่งเป็นกำนันบ้านสะปำ
และเมื่อเติบโตขึ้นจนกระทั่งแต่งงาน คุณแม่จู้เริ่มต้นธุรกิจร้านขายของชำและกาแฟ ก่อนเป็นอย่างแรก
ด้วยความที่เป็นคนขยันมาก จึงเปิดร้านรับซื้อมะพร้าวสด, มะพร้าวแห้ง, ปลาเค็ม, กุ้งเสียบ และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เพื่อนำไปขายต่อ
ด้วยความที่เป็นคนขยันมาก จึงเปิดร้านรับซื้อมะพร้าวสด, มะพร้าวแห้ง, ปลาเค็ม, กุ้งเสียบ และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เพื่อนำไปขายต่อ
จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป คุณแม่จู้ก็ได้ให้กำเนิดลูก ๆ ทำให้จำนวนสมาชิกในครอบครัวเพิ่มขึ้น
และแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายก็ต้องเพิ่มขึ้นตามมา แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง กิจการขายของกลับสวนทางกับรายจ่าย และค่อย ๆ ซบเซาลงเรื่อย ๆ
และแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายก็ต้องเพิ่มขึ้นตามมา แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง กิจการขายของกลับสวนทางกับรายจ่าย และค่อย ๆ ซบเซาลงเรื่อย ๆ
ทำให้คุณแม่จู้ ต้องพยายามมองหาช่องทางการสร้างรายได้ใหม่ ๆ เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว
โดยคุณแม่จู้ก็เริ่มต้นจากการทำแกงไตปลาขาย
โดยคุณแม่จู้ก็เริ่มต้นจากการทำแกงไตปลาขาย
และด้วยรสชาติแกงไตปลาที่อร่อย ทำให้เกิดการบอกเล่าแบบปากต่อปากของคนในพื้นที่สะปำ
จากนั้นชื่อเสียงแม่จู้ก็เลื่องลือไปทั่วทั้งจังหวัดภูเก็ต
จากนั้นชื่อเสียงแม่จู้ก็เลื่องลือไปทั่วทั้งจังหวัดภูเก็ต
เมื่อสินค้าตัวแรกเริ่มขายดิบขายดี คุณแม่จู้ก็ได้ลองทำเมนูต่อไป นั่นก็คือ น้ำพริกกุ้งเสียบ
และแน่นอนว่า น้ำพริกกุ้งเสียบก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมาก ๆ จนใครที่ผ่านไปผ่านมาในละแวกสะปำ ก็จะต้องแวะซื้อกลับไปฝากคนที่บ้าน
ทำให้แม่จู้ได้ลองนำแกงไตปลา และน้ำพริกกุ้งเสียบมาบรรจุใส่กระปุกขาย เพื่อให้ง่ายกับการนำไปเป็นของฝาก หรือเก็บไว้รับประทานได้นาน ๆ
ต่อมาเคล็ดลับความอร่อยของคุณแม่จู้ ก็ได้ตกทอดต่อกันมาสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน
และได้พัฒนามาเป็นร้านขายของฝาก ที่กลายเป็นหนึ่งในร้านที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดภูเก็ต
และได้พัฒนามาเป็นร้านขายของฝาก ที่กลายเป็นหนึ่งในร้านที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดภูเก็ต
โดยร้านคุณแม่จู้ สาขาใหญ่ หรือที่คนภูเก็ตรู้จักกันในนาม คุณแม่จู้เมืองใหม่ ตั้งอยู่บนถนนเทพกระษัตรี ระหว่างทางไปสนามบินนานาชาติ
ซึ่งการวางทำเลของร้านคุณแม่จู้ ก็ถือเป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจ เนื่องจากร้านจะตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ ซึ่งอยู่ใกล้กับเส้นทางขากลับ ที่จะไปยังสนามบินพอดี ทำให้สะดวกต่อการจอดแวะซื้อ และง่ายต่อการจดจำอีกด้วย
ปัจจุบันร้านคุณแม่จู้ เป็นศูนย์จำหน่ายอาหารพื้นเมืองภูเก็ต ได้แก่ น้ำพริกกุ้งเสียบ, ขนมเต้าส้อ, เกลือเคย (น้ำปลาหวานสูตรภูเก็ต), ผัดหมี่ฮกเกี้ยน รวมถึงสินค้าของที่ระลึกจากจังหวัดภูเก็ต เช่น ไข่มุก จากฟาร์มทะเลอันดามัน และสินค้าหัตถกรรมอื่น ๆ
นอกจากนี้ ร้านคุณแม่จู้ ยังได้รับการการันตีคุณภาพ ด้วยประกาศนียบัตรมากมาย ได้แก่ การรับรอง ISO 9001, มาตรฐาน GMP, ฮาลาล และผลิตภัณฑ์ยังได้รับการรับรองเป็น OTOP 5 ดาว อีกด้วย
เรามาดูรายได้ก่อนช่วงโควิด 19 ของร้านขายของฝากคุณแม่จู้กัน..
ปี 2561 รายได้ 221 ล้านบาท กำไร 11 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 229 ล้านบาท กำไร 11 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 229 ล้านบาท กำไร 11 ล้านบาท
ปี 2563 คือปีที่ธุรกิจเริ่มได้รับผลกระทบจากโควิด 19 ที่นักท่องเที่ยวหดหาย
จึงส่งผลให้รายได้เหลือเพียง 37 ล้านบาท หรือหายไปกว่า 84%..
จึงส่งผลให้รายได้เหลือเพียง 37 ล้านบาท หรือหายไปกว่า 84%..
แต่อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ รายได้ของร้านขายของฝากก็น่าจะมีตัวเลขที่ดีขึ้น
เพราะแบรนด์คุณแม่จู้ ถือเป็นอีกหนึ่งในแบรนด์ของฝากคุณภาพ ที่คนในพื้นที่ต่างแนะนำกันปากต่อปาก จนลุกลามไปครองใจนักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคน
เพราะแบรนด์คุณแม่จู้ ถือเป็นอีกหนึ่งในแบรนด์ของฝากคุณภาพ ที่คนในพื้นที่ต่างแนะนำกันปากต่อปาก จนลุกลามไปครองใจนักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคน
สุดท้ายนี้ คุณแม่จู้ ได้ทิ้งท้ายสูตรสำเร็จของการทำแบรนด์อาหารของฝากเอาไว้ว่า
“การทำอาหาร เราอย่าไปทำตามเขา เราต้องทำตามสูตรของเรา เพราะว่าอาหารที่อร่อย มันมาจากจิตวิญญาณ แล้วต้องเลือกของที่ดีที่สุด ให้เหมือนกับที่เราทำกินเองที่บ้าน ให้ลูกให้หลานได้กิน..”
“การทำอาหาร เราอย่าไปทำตามเขา เราต้องทำตามสูตรของเรา เพราะว่าอาหารที่อร่อย มันมาจากจิตวิญญาณ แล้วต้องเลือกของที่ดีที่สุด ให้เหมือนกับที่เราทำกินเองที่บ้าน ให้ลูกให้หลานได้กิน..”
และจากเรื่องราวทั้งหมดนี้ เราคงจะได้เห็นแล้วว่า การไม่หยุดต่อยอดความสำเร็จ การใส่ใจลงไปในการทำอาหาร ให้เหมือนกับที่ทำกินเองในครอบครัว และการวางกลยุทธ์ทำเล ที่ง่ายต่อการซื้อนี่เอง คือสิ่งที่ทำให้ร้านขายของฝากคุณแม่จู้ เป็นร้านขายของฝาก อายุ 80 ปี ที่ยังไม่มีใครลืม..
อ้างอิง :
-https://www.khunmaejuphuket.com/history
-https://www.khunmaejuphuket.com/history