“ริมสวน” น้ำเฉาก๊วย 10 บาทในเซเว่น

เฉาก๊วย เป็นของหวาน และเครื่องดื่มยอดนิยมในเมืองไทย
ไม่ว่าจะเอาไว้ทานเล่น หรือเพื่อสุขภาพ

ซึ่งถ้าเราเดินเข้า 7-Eleven อย่างน้อยต้องเห็น
น้ำเฉาก๊วย ขวดพลาสติก ขวดละ 10 บาท ตราริมสวน

ก่อนจะเล่าแบรนด์ ริมสวน เรามาทำความรู้จักกับที่มาของ “เฉาก๊วย” กันก่อน

เฉาก๊วยเป็นที่รู้จักของคนไทยมากกว่า 100 ปีแล้ว
โดยมีถิ่นกำเนิดที่ประเทศจีน แต่เข้ามาประเทศไทยผ่านคนจีนที่อพยพเข้ามา แล้วนำเฉาก๊วยเข้ามาด้วย
ซึ่งคนจีนจะนิยมทานเฉาก๊วยคู่กับเต้าฮวย

ในภาษาจีน คำว่า “เฉา” แปลว่า หญ้า และคำว่า “ก๊วย” แปลว่า ขนม
โดยเฉาก๊วย ทำมาจากหญ้า ที่เป็นพืชชนิดหนึ่งในตระกูลเดียวกับใบมิ้นต์
หรือมีชื่อเรียกว่า “หญ้าเฉาก๊วย”

ขั้นตอนการเปลี่ยน หญ้าเฉาก๊วย ให้เป็นก้อนเฉาก๊วย สีดำเนื้อเหนียวนุ่ม
คือ ให้นำต้นหญ้าเฉาก๊วยตากแห้ง มาต้มน้ำให้เดือด

จากนั้นกรองเอาแต่น้ำที่เป็นสีดำออก แล้วนำไปผสมกับแป้งพืช เช่น แป้งมันสำปะหลัง
เพื่อช่วยให้เฉาก๊วยแข็งตัวเป็นก้อน เป็นวุ้น

เฉาก๊วย นอกจากจะช่วยดับกระหายคลายร้อนแล้ว
ยังช่วยแก้ร้อนใน ลดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ ตับอักเสบ และไขข้ออักเสบ
อีกทั้งหากดื่มน้ำเฉาก๊วยเป็นประจำจะช่วยบรรเทาโรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน

เนื่องจากเมืองไทยเป็นเมืองร้อน เฉาก๊วยจึงเป็นที่นิยม
และถูกดัดแปลง เอาไปทำอีกหลายเมนู ทั้งของคาว และของหวาน

อย่างไรก็ตาม ในสมัยก่อน เครื่องดื่มเฉาก๊วยที่มีวางขายตามท้องตลาด
ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีแบรนด์เป็นตัวเป็นตน

ซึ่ง คุณมะลิวรรณ อำพล ก็ได้เห็นช่องว่างที่ยังไม่ถูกเติมนี้

คุณมะลิ เรียนจบสาขาวิทยาศาสตร์อาหาร จาก ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
หลังจากเธอเรียนจบ ก็ทำงานที่บริษัทด้านอาหาร เป็นเวลา 7-8 ปี

แต่ด้วยความฝันที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เหมือนคนอื่นๆ
เธอจึงตัดสินใจลาออกจากงานในปี พ.ศ. 2547
และร่วมกับเพื่อนอีก 5 คน ลงทุนซื้อกิจการผลิตเครื่องดื่มสมุนไพรเล็กๆ

ซึ่งกิจการนี้ ผลิตเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ “ริมสวน”
ดำเนินธุรกิจส่งน้ำสมุนไพรบรรจุขวด วางขายตามร้านโชวห่วยทั่วไป

แต่คุณมะลิ ก็เลือกที่จะไม่เปลี่ยนชื่อแบรนด์
เพราะเห็นว่า ชื่อนี้สะดุดตาดี และจำง่าย ตรงกับภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์

ซึ่งหลังจากซื้อกิจการมา ภายใต้การบริหารงานของคุณมะลิ
เธอก็มีโอกาสได้ใช้ความรู้ ประสบการณ์ด้านกระบวนการผลิตที่สั่งสมมา

และยึดปรัชญา “สิ่งที่เราทำ ครอบครัวของเราเป็นผู้บริโภค” ในการทำธุรกิจ
โดยปรับปรุงคุณภาพสินค้าอย่างต่อเนื่อง
ให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ตรงความต้องการผู้บริโภค

ทำให้สินค้าได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า
กิจการเริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนผ่านไปได้เพียง 1 ปี
เธอจึงต้องมองหาช่องทางการตลาดใหม่ที่กว้างขึ้น

ซึ่งช่องทางการจำหน่ายที่เธอสนใจเป็นพิเศษ คือ 7-Eleven
เพราะมองว่า เป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพ สามารถกระจายสินค้าได้ทั่วประเทศ

สุดท้ายเธอก็ทำได้สำเร็จ
ในปี พ.ศ. 2548 เป็นครั้งแรกที่แบรนด์ ริมสวน ได้เข้าไปวางขายใน 7-Eleven

โดยสินค้าที่เธอเลือกนำเข้าไปวางขายคือ น้ำเฉาก๊วย
เพราะเป็นเครื่องดื่มที่คนไทยคุ้นเคย และนิยมกันอยู่แล้ว

ที่น่าสนใจคือ ในสมัยนั้น แทบจะไม่มีเครื่องดื่มจากผู้ผลิต SME ส่งขาย 7-Eleven เลย
นับได้ว่า ริมสวน เป็น SME รายแรกๆที่ส่งสินค้าเข้า 7-Eleven

รายได้ของบริษัท มหาทรัพย์ โปรดักส์ชั่น จำกัด (เจ้าของแบรนด์ริมสวน)
ปี 2559 มีรายได้ 63 ล้านบาท
ปี 2560 มีรายได้ 58 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้ 60 ล้านบาท

ริมสวนมีสินค้าทั้งหมด 5 ชนิด ได้แก่ น้ำเฉาก๊วย, น้ำใบเตยลูกชิด, น้ำตาลสดผสมวุ้นมะพร้าว, น้ำเฉาก๊วยนมสด และน้ำตาลสดผสมลูกตาล
ขายราคาอยู่ที่ขวดละ 10 บาท สำหรับน้ำเฉาก๊วยนมสดขวดละ 12 บาท

สำหรับจุดขายของเครื่องดื่มริมสวน คือ รสชาติดี ในราคามิตรภาพ

แต่ริมสวนมีจุดด้อยที่อายุสินค้าสั้น เนื่องจากใช้วิธีการผลิตแบบพาสเจอร์ไรส์
คือ ใช้อุณหภูมิไม่สูงมากในการผลิต เพื่อต้องการให้ผลิตภัณฑ์คงความสดใหม่

ถึงแม้ กิจการริมสวน จะไม่ได้ใหญ่โตเหมือนผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ๆในตลาด
แต่หากมองในมุมของ มนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ ที่ปลุกปั้นแบรนด์จาก ส่งสินค้าให้ร้านโชวห่วย สู่ร้าน 7-Eleven ภายใน 1 ปี

ก็คงเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คน ที่อยากเริ่มต้นมีธุรกิจเป็นของตัวเอง

หากเราจะเริ่มสร้างธุรกิจ อาจลองมองหาธุรกิจ
ที่เราสามารถนำความรู้ และประสบการณ์ จากงานประจำ หรืองานในอดีต มาต่อยอดได้

ซึ่งในอนาคต ธุรกิจที่เราสร้างด้วยมือสองข้าง อาจกลายเป็นอาณาจักรธุรกิจที่ยิ่งใหญ่สำหรับเรา..

Reference
-https://www.matichon.co.th/publicize/news_194195
-https://www.thairath.co.th/content/653086
-https://www.sentangsedtee.com/career-channel/article_1819
-https://www.technologychaoban.com/marketing/article_2031
-https://cooking.kapook.com/view132300.html