Pepsi จับมือ Beyond Meat บุกตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความยั่งยืน ในต้นปีหน้า
17 ก.ย. 2021
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา คุณ Ramon Laguarta CEO ของบริษัท Pepsi ได้ออกมาเผยถึงความร่วมมือระหว่าง Pepsi และ Beyond Meat ซึ่งเป็นผู้ผลิตเนื้อเทียมจากพืช (Plant-based) ชื่อดัง
โดยจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) ที่มีชื่อว่า “The PLANeT Partnership” ในช่วงต้นปีหน้า
โดยจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) ที่มีชื่อว่า “The PLANeT Partnership” ในช่วงต้นปีหน้า
การร่วมทุนในครั้งนี้ Pepsi จะได้ประโยชน์จากการที่ทาง Beyond Meat เข้ามาเสริมทัพ ให้สามารถรุกเข้าตลาดอาหารเพื่อสุขภาพและยั่งยืนได้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ร่วมกัน ทั้งขนมและเครื่องดื่ม ที่ดีต่อสุขภาพและดีต่อโลก
อีกทั้ง ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ Pepsi สามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรมโปรตีนจากพืช (Plant-based) ที่กำลังเติบโตอีกด้วย
ถ้าถามว่า ตลาดนี้มีมูลค่าขนาดไหน ทำไม Pepsi ต้องสนใจ ?
คงตอบได้ว่า ในปีที่ผ่านมา ตลาดโปรตีนจากพืช มีมูลค่าประมาณ 977,800 ล้านบาท
และในปี 2030 คาดการณ์ว่า ตลาดนี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 5,388,100 ล้านบาท เลยทีเดียว
เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน มีแนวโน้มใส่ใจเรื่องของความยั่งยืนและสุขภาพ มากขึ้นทุกวัน
คงตอบได้ว่า ในปีที่ผ่านมา ตลาดโปรตีนจากพืช มีมูลค่าประมาณ 977,800 ล้านบาท
และในปี 2030 คาดการณ์ว่า ตลาดนี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 5,388,100 ล้านบาท เลยทีเดียว
เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน มีแนวโน้มใส่ใจเรื่องของความยั่งยืนและสุขภาพ มากขึ้นทุกวัน
ซึ่งผู้เล่นหลัก ๆ ในตอนนี้ นอกจาก Beyond Meat ก็จะมี Impossible Foods และ Oatly
และแน่นอนว่า ทางบริษัทเครื่องดื่มและขนมยักษ์ใหญ่อย่าง Pepsi เอง ก็คงไม่อยากพลาดโอกาสในตลาดนี้..
นอกจากนี้ Pepsi ยังได้ออกมาบอกเพิ่มเติมว่า ทางบริษัทกำลังจะเริ่มโครงการใหม่ ที่ชื่อว่า “Pep+”
ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินงานของบริษัท โดยโฟกัสเรื่องของ “ความยั่งยืน” เป็นหลัก
ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินงานของบริษัท โดยโฟกัสเรื่องของ “ความยั่งยืน” เป็นหลัก
เช่น ลดการใช้พลาสติกอย่างจริงจัง, การเร่งแผนลดการเติมโซเดียมและน้ำตาลในสินค้า
รวมไปถึงเผยแพร่แนวปฏิบัติ เกี่ยวกับการทำการเกษตรแนวใหม่ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
และการใส่ส่วนผสมอื่น ๆ ที่ดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น ถั่วชิกพี, โปรตีนจากพืช และธัญพืช ลงไปในผลิตภัณฑ์ เช่น มันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ
รวมไปถึงเผยแพร่แนวปฏิบัติ เกี่ยวกับการทำการเกษตรแนวใหม่ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
และการใส่ส่วนผสมอื่น ๆ ที่ดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น ถั่วชิกพี, โปรตีนจากพืช และธัญพืช ลงไปในผลิตภัณฑ์ เช่น มันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ
อย่างไรก็ดี เทรนด์ด้านความยั่งยืนนั้น ไม่ได้ส่งผลต่อสินค้าหรือบริการเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงวิถีการทำงานเพื่อความยั่งยืนอีกด้วย
โดยทางบริษัท ได้มีการนำเอาโมเดลด้านการทำงานแบบยืดหยุ่น (Flexible model) เข้ามาใช้ในการทำงาน
ซึ่งทำให้พนักงานบางส่วน เข้าออฟฟิศแค่ 2-3 วันต่อสัปดาห์หรือต่อเดือนเท่านั้น
ซึ่งทำให้พนักงานบางส่วน เข้าออฟฟิศแค่ 2-3 วันต่อสัปดาห์หรือต่อเดือนเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น ถ้าจะเข้ามาเพื่อโทรหาลูกค้า หรือเขียนอีเมล ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัท เพราะนอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังเพิ่มมลภาวะ เช่น มลพิษจากการเดินทาง โดยไม่จำเป็นอีกด้วย
และนี่ก็คือความเคลื่อนไหวของ Pepsi ต่อเทรนด์ด้านความยั่งยืน
จะเห็นได้ว่า Pepsi นั้น ได้เริ่มปรับตัวให้ทันต่อเทรนด์ของโลกในอนาคตแล้ว
ซึ่งในช่วงหลัง ๆ มานี้ เราอาจเห็นบริษัทระดับโลกมากมาย ที่ออกมาแสดงจุดยืน ว่าใส่ใจความยั่งยืน
ซึ่งในช่วงหลัง ๆ มานี้ เราอาจเห็นบริษัทระดับโลกมากมาย ที่ออกมาแสดงจุดยืน ว่าใส่ใจความยั่งยืน
เป็นที่น่าติดตามต่อไปว่า ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการ The PLANeT Partnership โดยความร่วมมือของ 2 ผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารนี้ จะเป็นอย่างไร และจะผลิตอะไรออกมาให้แฟน ๆ Pepsi ได้ลิ้มลองบ้าง..
อ้างอิง :
-https://www.cnbc.com/2021/09/15/pepsico-targets-early-2022-to-roll-out-products-from-joint-venture-with-beyond-meat.html
-https://www.foodbusinessnews.net/articles/19347-global-plant-protein-market-could-hit-162-billion-by-2030
-https://www.cnbc.com/2021/09/15/pepsico-targets-early-2022-to-roll-out-products-from-joint-venture-with-beyond-meat.html
-https://www.foodbusinessnews.net/articles/19347-global-plant-protein-market-could-hit-162-billion-by-2030