รายได้หนังสือพิมพ์ กำลังหดตัวลง อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
23 ก.ย. 2019
หนังสือพิมพ์ THE NATION มีอายุ 48 ปี
หนังสือพิมพ์ บ้านเมือง มีอายุ 44 ปี
หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์ มีอายุ 17 ปี
หนังสือพิมพ์ บ้านเมือง มีอายุ 44 ปี
หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์ มีอายุ 17 ปี
ทั้งหมดที่กล่าวมาคือหนังสือพิมพ์ที่เรารู้จักกันดีแต่ได้ “ปิดตำนาน” ตัวเองไปแล้ว ด้วยการเลิกตีพิมพ์
ในขณะที่หนังสือพิมพ์ที่ยังมีลมหายใจบนแผง
ก็ประสบปัญหา รายได้ และ กำไร ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่หนังสือพิมพ์ที่ยังมีลมหายใจบนแผง
ก็ประสบปัญหา รายได้ และ กำไร ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
รายได้ บริษัท วัชรพล จำกัด (ไทยรัฐ)
ปี 2557 มีรายได้รวม 4,453 ล้านบาท (ลดลง 14%) กำไร 1,648 ล้านบาท
ปี 2558 มีรายได้รวม 3,905 ล้านบาท (ลดลง 12%) กำไร 1,456 ล้านบาท
ปี 2559 มีรายได้รวม 3,071 ล้านบาท (ลดลง 21%) กำไร 928 ล้านบาท
ปี 2560 มีรายได้รวม 2,597 ล้านบาท (ลดลง 15%) กำไร 604 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้รวม 2,135 ล้านบาท (ลดลง 18%) กำไร 313 ล้านบาท
ปี 2557 มีรายได้รวม 4,453 ล้านบาท (ลดลง 14%) กำไร 1,648 ล้านบาท
ปี 2558 มีรายได้รวม 3,905 ล้านบาท (ลดลง 12%) กำไร 1,456 ล้านบาท
ปี 2559 มีรายได้รวม 3,071 ล้านบาท (ลดลง 21%) กำไร 928 ล้านบาท
ปี 2560 มีรายได้รวม 2,597 ล้านบาท (ลดลง 15%) กำไร 604 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้รวม 2,135 ล้านบาท (ลดลง 18%) กำไร 313 ล้านบาท
รายได้ บริษัท สี่พระยาการพิมพ์ จำกัด (เดลินิวส์)
ปี 2557 มีรายได้รวม 1,643 ล้านบาท (ลดลง 14%) กำไร 64 ล้านบาท
ปี 2558 มีรายได้รวม 1,348 ล้านบาท (ลดลง 18%) กำไร 32 ล้านบาท
ปี 2559 มีรายได้รวม 1,182 ล้านบาท (ลดลง 12%) กำไร 110 ล้านบาท
ปี 2560 มีรายได้รวม 909 ล้านบาท (ลดลง 23%) กำไร 20 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้รวม 743 ล้านบาท (ลดลง 18%) ขาดทุน 22 ล้านบาท
ปี 2557 มีรายได้รวม 1,643 ล้านบาท (ลดลง 14%) กำไร 64 ล้านบาท
ปี 2558 มีรายได้รวม 1,348 ล้านบาท (ลดลง 18%) กำไร 32 ล้านบาท
ปี 2559 มีรายได้รวม 1,182 ล้านบาท (ลดลง 12%) กำไร 110 ล้านบาท
ปี 2560 มีรายได้รวม 909 ล้านบาท (ลดลง 23%) กำไร 20 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้รวม 743 ล้านบาท (ลดลง 18%) ขาดทุน 22 ล้านบาท
กำลังเกิดอะไรขึ้นกับสื่อที่ในอดีต ทุกครอบครัวจะต้องซื้อติดบ้านกันทุกเช้า
ก่อนอื่นต้องถามตัวเราเองก่อนว่า เรายังอ่านข่าวจากในหนังสือพิมพ์กันอยู่ไหม?
เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ เราสามารถอ่านข่าวทั้งหมดได้ในมือถือผ่าน Facebook, Line และ Twitter
เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ เราสามารถอ่านข่าวทั้งหมดได้ในมือถือผ่าน Facebook, Line และ Twitter
สื่อเหล่านี้มีความรวดเร็วกว่าข่าวหนังสือพิมพ์ เพราะเกิดเหตุการณ์อะไร ที่ไหน สื่อออนไลน์สามารถนำเสนอได้ทันที
ส่วนสื่อสิ่งพิมพ์ต้องรอเวลาตีพิมพ์อย่างน้อยๆ ก็ 1 วัน เนื้อหาข่าวถึงจะเผยแพร่สู่สาธารณชน
ที่สำคัญสื่อออนไลน์เหล่านี้ยังเป็นข่าวที่อ่าน “ฟรี” ไม่ต้องเสียเงินซื้อเหมือนหนังสือพิมพ์
เมื่อคนเลือกที่จะซื้อหนังสือพิมพ์น้อยลง ผลกระทบที่ตามมาก็คือเม็ดเงินโฆษณาในสื่อหนังสือพิมพ์ก็หดหายไปอย่างมหาศาล
ข้อมูลจาก นีลเส็น ประเทศไทยระบุว่า
เม็ดเงินโฆษณาหนังสือพิมพ์ปี 2559 มีมูลค่า 14,077 ล้านบาท
ขณะที่ปี 2561 เหลือมูลค่าอยู่ที่ 8,502 ล้านบาท
เม็ดเงินโฆษณาหนังสือพิมพ์ปี 2559 มีมูลค่า 14,077 ล้านบาท
ขณะที่ปี 2561 เหลือมูลค่าอยู่ที่ 8,502 ล้านบาท
ผ่านไปแค่ 2 ปีเม็ดเงินลดลงไป 39.6% หรือคิดเป็นมูลค่าที่หายไปถึง 5,575 ล้านบาท
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น บรรดาบริษัทที่ทำหน้าที่ซื้อสื่อโฆษณายังประเมินว่าเม็ดเงินโฆษณาหนังสือพิมพ์
ก็ยังมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น บรรดาบริษัทที่ทำหน้าที่ซื้อสื่อโฆษณายังประเมินว่าเม็ดเงินโฆษณาหนังสือพิมพ์
ก็ยังมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
ไม่ใช่ว่าเจ้าของหนังสือพิมพ์จะไม่รู้ว่าต้องปรับตัวอย่างไร
เพราะที่ผ่านมานอกจากประหยัดต้นทุนด้วยการพิมพ์ ทั้งจำนวนเล่มและจำนวนหน้าหนังสือพิมพ์น้อยลงกว่าในอดีต
เพราะที่ผ่านมานอกจากประหยัดต้นทุนด้วยการพิมพ์ ทั้งจำนวนเล่มและจำนวนหน้าหนังสือพิมพ์น้อยลงกว่าในอดีต
เราก็ยังได้เห็นหนังสือพิมพ์เหล่านี้ มาโลดแล่นบนโลก Social Media อาทิเช่น
เพจ Khaosod - ข่าวสด มีคนติดตาม 12.9 ล้านคน
เพจ ไทยรัฐออนไลน์ มีคนติดตาม 11.4 ล้านคน
เพจ PostToday มีคนติดตาม 3.3 ล้านคน
เพจ Khaosod - ข่าวสด มีคนติดตาม 12.9 ล้านคน
เพจ ไทยรัฐออนไลน์ มีคนติดตาม 11.4 ล้านคน
เพจ PostToday มีคนติดตาม 3.3 ล้านคน
แต่...ใช่ว่าการปรับตัวครั้งนี้จะไม่พบเจอความท้าทาย เพราะ ณ วันนี้ ความจริงบนโลก Facebook ซึ่งเป็นสนามรบหลักในการหารายได้ของบรรดาสื่อออนไลน์ ได้เกิดเพจต่างๆ มากมายจนนับไม่ถ้วนที่แย่งชิงเม็ดเงินโฆษณาออนไลน์ที่มีมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท
ซึ่งต้นทุนการทำเพจของบุคคลทั่วไปกับ บริษัทสื่อหนังสือพิมพ์นั้นต่างกัน
การทำเพจของบุคคลส่วนใหญ่จะใช้เวลาว่างของแต่ละเจ้าของเพจ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้มีต้นทุนอะไร
แต่เมื่อรวมข่าวของแต่ละคนเข้าด้วยกัน กลับกลายเป็นว่าเนื้อหาจากหลายคนมีความน่าสนใจกว่าจากสื่อเพียงสื่อเดียว
การทำเพจของบุคคลส่วนใหญ่จะใช้เวลาว่างของแต่ละเจ้าของเพจ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้มีต้นทุนอะไร
แต่เมื่อรวมข่าวของแต่ละคนเข้าด้วยกัน กลับกลายเป็นว่าเนื้อหาจากหลายคนมีความน่าสนใจกว่าจากสื่อเพียงสื่อเดียว
ในขณะที่บริษัทสื่อหนังสือพิมพ์นั้น มีต้นทุนต้องแบกรับมากกว่า ทั้งจำนวนพนักงานที่มากกว่า, ต้นทุนค่าพิมพ์, และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
สุดท้ายแล้ว ก็คงยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าธุรกิจหนังสือพิมพ์ ที่เป็นสื่อคู่คนไทยมายาวนานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 จะมีบทสรุปอย่างไรในยุคดิจิทัล ที่ผู้อ่านสามารถเสพ Content ได้ฟรี และรวดเร็ว
แต่ที่แน่นอนคือ หนังสือพิมพ์อาจจะเหลือไม่กี่ราย ที่อยู่รอดหลังจากสงครามครั้งนี้
References : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, นีลเส็น ประเทศไทย