SC ตั้งเป้าแบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1 รุกพัฒนาอสังหาฯ แนวราบ ทุ่มลงทุน 25,000 ล้าน ใน 2 ปี
11 ก.พ. 2021
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยถึงความสำเร็จในปี 2563 ภายใต้ปีแห่งความท้าทายว่า “บริษัทสามารถทำยอดขายแนวราบสูงสุดเติบโตสวนกระแสตลาด โดยเป็นยอดขายแนวราบ 14,757 ล้านบาท เติบโต 37%
มียอดขายรวมทำสถิติใหม่ 16,602 ล้านบาท
มียอดขายรวมทำสถิติใหม่ 16,602 ล้านบาท
ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) บ้านเดี่ยวของ SC เพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 ของบ้าน 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยครองส่วนแบ่งที่ 26%
และประกาศทิศทางธุรกิจช่วงปี 2564-2565 ภายใต้ความพร้อมของ SC ในแบบ Fully-Loaded
โดยตั้งเป้าสู่แบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1 ด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ ดังนี้
โดยตั้งเป้าสู่แบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1 ด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ ดังนี้
1.ที่ดินพร้อม
ทุ่มเงินลงทุน 25,000 ล้านบาท ใน 2 ปีนี้ (2564-2565) เพื่อโอนที่ดินจำนวนมากกว่า 30 แปลง
และรุกพัฒนาโครงการแนวราบแบบจัดหนัก ครอบคลุมทุกระดับราคาทั่วกรุงเทพ-ปริมณฑล
ทุ่มเงินลงทุน 25,000 ล้านบาท ใน 2 ปีนี้ (2564-2565) เพื่อโอนที่ดินจำนวนมากกว่า 30 แปลง
และรุกพัฒนาโครงการแนวราบแบบจัดหนัก ครอบคลุมทุกระดับราคาทั่วกรุงเทพ-ปริมณฑล
2.สภาพคล่องพร้อม
มีสภาพคล่องแข็งแกร่ง มีเงินสดและวงเงินพร้อมเบิกมากกว่า 10,000 ล้านบาท
พร้อมกับมีระดับหนี้ลดเหลือ D/E 1.38 จาก D/E 1.58 ในปี 2562
มีสภาพคล่องแข็งแกร่ง มีเงินสดและวงเงินพร้อมเบิกมากกว่า 10,000 ล้านบาท
พร้อมกับมีระดับหนี้ลดเหลือ D/E 1.38 จาก D/E 1.58 ในปี 2562
3.สินค้าพร้อม
โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าตามปรัชญาแบรนด์ “For Good Mornings”
สร้างทุกเช้าที่ดีให้ลูกค้าทุกคน ใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ Design, Technology และ Living Solutions เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในยุค New Normal พร้อมรองรับกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นภายในบ้าน ดังนี้
โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าตามปรัชญาแบรนด์ “For Good Mornings”
สร้างทุกเช้าที่ดีให้ลูกค้าทุกคน ใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ Design, Technology และ Living Solutions เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในยุค New Normal พร้อมรองรับกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นภายในบ้าน ดังนี้
-Design For Good Mornings ผ่านวิธีคิดของ SC “Homes For All”
พัฒนาบ้านทุกระดับราคา พร้อมกับพัฒนาฟังก์ชันสำหรับทุก Generations เพื่อรองรับการใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านมากขึ้น และการทำกิจกรรมหลากหลายร่วมกันอย่างลงตัว
พัฒนาบ้านทุกระดับราคา พร้อมกับพัฒนาฟังก์ชันสำหรับทุก Generations เพื่อรองรับการใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านมากขึ้น และการทำกิจกรรมหลากหลายร่วมกันอย่างลงตัว
โดยจะเปิดตัวบ้านซีรีส์พิเศษภายใต้แนวคิด “One Size doesn’t Fit All’ บ้านที่ปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ มี 2 แบบ ได้แก่ บ้านคนโสด และบ้าน SoU-21 พร้อมกันครั้งแรกที่โครงการเวนิว พระราม 9
-Technology For Good Mornings
พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อบ้านอยู่สบายไร้กังวลเพื่ออนาคต และโฟกัสใน 3 เรื่อง ได้แก่ สมองของบ้าน ช่วยควบคุมการทำงานของบ้านผ่าน RueJai Home Panel ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการ RueJai OS พัฒนาโดย SC
พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อบ้านอยู่สบายไร้กังวลเพื่ออนาคต และโฟกัสใน 3 เรื่อง ได้แก่ สมองของบ้าน ช่วยควบคุมการทำงานของบ้านผ่าน RueJai Home Panel ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการ RueJai OS พัฒนาโดย SC
ชีพจรของบ้าน ช่วยตรวจสอบสถานะผิดปกติต่างๆ ของบ้าน เช่น กระแสไฟฟ้าลัดวงจร ระดับความชื้นผิดปกติ คุณภาพของอากาศ และแจ้งเตือนผู้อยู่อาศัย ด้วยเทคโนโลยี Sensor และ iOT
ปัญญาประดิษฐ์ โดยร่วมกับบริษัท วัลเคน โคอะลิชั่น จํากัด และผู้มีภาวะบกพร่องทางการมองเห็น เพื่อพัฒนาระบบ Speech AI-NLP (Natural Language Processing) และ AI บน Home OS จะช่วยสร้างระบบการเรียนรู้ และสามารถสั่งการด้วยเสียงเป็นรายแรกในไทย
-Living solutions For Good Mornings
ในฐานะผู้นำ Living Solutions Provider ลูกค้าจะได้รับการดูแลหลังการขาย และเป็นสมาชิก RueJai Club โดยอัตโนมัติ พร้อมได้รับความสะดวกสบายจากบริการ Subscriptions แบบรายครั้งและรายเดือนเพื่อตรวจเช็คสุขภาพบ้าน และบำรุงรักษาบ้านแบบครบวงจร
ในฐานะผู้นำ Living Solutions Provider ลูกค้าจะได้รับการดูแลหลังการขาย และเป็นสมาชิก RueJai Club โดยอัตโนมัติ พร้อมได้รับความสะดวกสบายจากบริการ Subscriptions แบบรายครั้งและรายเดือนเพื่อตรวจเช็คสุขภาพบ้าน และบำรุงรักษาบ้านแบบครบวงจร
พร้อมมี SC Able บริษัทในเครือ บริหารงานนิติบุคคลต่อเนื่องทั้งแนวราบและแนวสูง รวม 28 โครงการ
นายณัฐพงศ์ กล่าวสรุปว่า “ในปี 2564 บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 20,000 ล้านบาท และรายได้ 19,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากโครงการเพื่อขายทั้งหมดในปีนี้ จำนวน 69 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 57,500 ล้านบาท
โดยเป็น 11 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 17,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 8 โครงการ มูลค่า 9,000 ล้านบาท และแนวสูง 3 โครงการ มูลค่า 8,000 ล้านบาท”