เดอะ พิซซ่า คอมปะนี นำพิซซ่า “18 นิ้ว” กลับมาอีกครั้ง และปรับธุรกิจ เน้นขายดิลิเวอรี 60%
14 ม.ค. 2021
เมื่อปีที่แล้วเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ได้เปิดตัว นิวยอร์กพิซซ่า XXXL 18 นิ้ว ซึ่งได้กระแสตอบรับอย่างถล่มทลาย
ภายใน 14 วัน สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 200,000 ชิ้น คิดเป็นเงินประมาณ 100 ล้านบาทเลยทีเดียว
จากความสำเร็จในครั้งนั้น ได้ถูกนำมาต่อยอดในครั้งนี้ ด้วยความตั้งใจของ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ที่ตั้งใจจะบรรจุ นิวยอร์กพิซซ่า 2 ขนาดยักษ์
ระหว่าง ยักษ์ใหญ่ ขนาด XXXL 18 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 399 บาท
และ ยักษ์เล็ก ขนาด XXL 15 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 379 บาท ลงในเมนูแบบถาวร
และ ยักษ์เล็ก ขนาด XXL 15 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 379 บาท ลงในเมนูแบบถาวร
โดยยักษ์ใหญ่ สามารถทานได้ที่ร้านเท่านั้น ในขณะที่ยักษ์เล็ก สามารถสั่งดิลิเวอรีได้
พร้อมกันนี้ ยังได้เปิดตัว 4 หน้าใหม่ล่าสุด สไตล์นิวยอร์กพิซซ่า ได้แก่
1) มาการิต้า เอาใจคนชอบชีส
2) คาโบนาร่า อีกหนึ่งหน้าพิซซ่ายอดนิยม
3) พาร์ม่าแฮม อีกตัวเลือกของคนที่ชื่นชอบพิซซ่าสไตล์อิตาลี
4) ซีฟู้ด มาเนีย เอาใจคนรักซีฟู้ด
ความพิเศษของนิวยอร์กพิซซ่า คือวัตถุดิบที่ใช้ จะเป็นแป้งโฮมเมด ที่มีความหอม บางนุ่ม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเป็นรูปแบบแป้งที่อยู่ตรงกลางระหว่างแป้งบางกรอบ และแป้งหนาหนุ่ม ที่ให้รสชาติ และเนื้อสัมผัสที่แปลกใหม่
การเปิดตัวแคมเปญใหม่ พร้อมแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ ในช่วงเวลาแบบนี้
ถือว่าเป็นสิ่งที่ค่อนข้างท้าทาย
ถือว่าเป็นสิ่งที่ค่อนข้างท้าทาย
แต่คุณภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ได้ให้คำตอบไว้ว่า
“สิ่งที่เราทำอาจดูเสี่ยง แต่เราเชื่อว่า การกระตุ้นตลาดในฐานะผู้นำ เป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะไม่ว่าจะรายเล็ก หรือรายใหญ่ ทุกคนต่างได้รับผลกระทบหมด สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ ก็คือต้องเชื่อมั่น ปรับตัว และเดินต่อไป”
“สิ่งที่เราทำอาจดูเสี่ยง แต่เราเชื่อว่า การกระตุ้นตลาดในฐานะผู้นำ เป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะไม่ว่าจะรายเล็ก หรือรายใหญ่ ทุกคนต่างได้รับผลกระทบหมด สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ ก็คือต้องเชื่อมั่น ปรับตัว และเดินต่อไป”
การปรับตัวของธุรกิจร้านอาหาร สิ่งที่ต้องทำเลย คือการปรับโมเดลธุรกิจ
จากเดิมที่เน้นการนั่งทานที่ร้าน ก็ต้องเปลี่ยนเป็นแบบดิลิเวอรี หรือแบบสั่งกลับบ้านแทน
จากเดิมที่เน้นการนั่งทานที่ร้าน ก็ต้องเปลี่ยนเป็นแบบดิลิเวอรี หรือแบบสั่งกลับบ้านแทน
เพราะในธุรกิจร้านอาหาร การนั่งทานที่ร้านเติบโตลดลง 60% ทำให้จากเดิมที่เดอะ พิซซ่า คอมปะนี เน้นการนั่งทานที่ร้าน สั่งกลับบ้าน และดิลิเวอรี ในสัดส่วนที่เท่าๆ กัน
ก็ต้องปรับโมเดลเป็น ดิลิเวอรี 60% สั่งกลับบ้าน 30% และนั่งทานที่ร้าน 10%
ก็ต้องปรับโมเดลเป็น ดิลิเวอรี 60% สั่งกลับบ้าน 30% และนั่งทานที่ร้าน 10%
ส่วนการใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ในรอบ 10 ปี อย่าง ไอซ์ พาริส ก็เพราะต้องการให้แบรนด์เดอะพิซซ่า คอมปะนี ดูเด็กลง เป็นการรีเฟรชชิงแบรนด์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้
ซึ่งภาพลักษณ์ของ ไอซ์ พาริส ที่เข้าถึงง่าย สดใหม่ ก็ยิ่งเป็นการส่งเสริมแบรนด์ให้มีความน่าสนใจมากขึ้น
การออกมาเปิดตัวแคมเปญใหม่ พร้อมแบรนด์แอมบาสเดอร์ใหม่ในครั้งนี้
นอกจากจะท้าทายแล้ว ก็ยังให้ข้อคิดกับเราได้ว่า ไม่ว่าเราจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ หรืออยู่ในอุตสาหกรรมไหนก็ตาม
นอกจากจะท้าทายแล้ว ก็ยังให้ข้อคิดกับเราได้ว่า ไม่ว่าเราจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ หรืออยู่ในอุตสาหกรรมไหนก็ตาม
ถ้าเรา เชื่อมั่น ปรับตัว และเดินต่อไป อนาคตที่สดใสต้องรอเราอยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน..