ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดปี 2564 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย ประมาณ 4.5 - 7.0 ล้านคน
8 ธ.ค. 2020
ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2564 เริ่มมีข่าวเชิงบวกเมื่อการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด 19 มีผลความคืบหน้ามากขึ้น และจะเริ่มมีการใช้วัคซีนกับประชาชนในหลายประเทศได้ประมาณปลายปี 2563 เป็นต้นไป
ขณะที่ประเทศไทยก็ได้มีการลงนามจองซื้อวัคซีนล่วงหน้าและคาดว่าจะสามารถใช้ได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เช่นกัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อทิศทางการระบาดของโรคโควิดในระยะข้างหน้า
สำหรับสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย หลังจากที่ทางการไทยได้เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ อย่างกลุ่มนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (Special Tourist VISA หรือ STV) ที่ต้องการเดินทางเข้ามาพำนักระยะยาวในไทย รวมถึงชาวต่างชาติที่เดินทางมากับเรือสำราญและเรือยอร์ชสามารถเดินทางเข้ามาจอดเทียบท่าในไทยได้ และสามารถขอวีซ่าประเภทพิเศษได้เช่นกัน
ซึ่งจากข้อมูลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ในเดือนตุลาคม 2563 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมีจำนวน 1,201 คน เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในช่วงนี้จะมีสัดส่วนที่น้อยหรือเพียงประมาณ 0.05% จากช่วงเวลาปกติในแต่ละเดือน แต่เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย
และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปี 2563 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะขยับเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ทำให้ทั้งปี 2563 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยจะอยู่ที่ประมาณ 6.7 ล้านคน
ทิศทางนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยปี 2564 ยังมีความไม่แน่นอนสูง ขึ้นอยู่กับตัวแปรอย่างการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด 19 ในหลายๆ ประเทศ และผลของวัคซีน
ในปี 2564 แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากตลาดท่องเที่ยวยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ทั้งในและต่างประเทศ
และผลของการใช้วัคซีนป้องกันโควิดกับประชาชนในบางประเทศ ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อทิศทางการท่องเที่ยวของไทย โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยปี 2564 คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 4.5 - 7.0 ล้านคน ภายใต้สมมติฐาน ดังนี้
สมมติฐานกรณีกรอบบน:
สมมติฐานในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2564 การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคยุโรปและอเมริกา สามารถควบคุมได้ โดยจำนวน Active Case ไม่ได้เร่งตัวขึ้น รวมถึงการใช้วัคซีนในประเทศที่คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในปลายปี 2563 อย่างสหรัฐฯ หลายประเทศในภูมิภาคยุโรป และญี่ปุ่น ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
ขณะที่ประเทศไทยไม่มีการระบาดของโควิดเป็นวงกว้าง รวมถึงในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ประเทศไทยอาจจะมีวัคซีนใช้ได้ ซึ่งน่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ขณะเดียวกันปัจจัยการเมืองภายในประเทศสงบ
ภายใต้สถานการณ์นี้น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อทิศทางการดำเนินมาตรการผ่อนคลายในการเปิดรับให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งขณะนี้หน่วยงานภาครัฐเองก็มีแนวทางที่จะทยอยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มเติมเมื่อสถานการณ์ต่างๆ มีพัฒนาการที่ดีขึ้น จากที่ได้เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติประเภทพิเศษ (STV)
โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า กรณีดังกล่าวนี้อาจจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาอย่างเร็วในช่วงปลายไตรมาส 2 และน่าจะเร่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ซึ่งจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะอยู่ที่ประมาณ 7.0 ล้านคน
ขณะที่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวน่าจะอยู่ที่ประมาณ 4.8 แสนล้านบาท โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาฟื้นตัวน่าจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีการผ่อนคลายมาตรการเดินทางระหว่างประเทศมากที่สุด
นอกจากนี้ยังเป็นประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกอย่าง ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป็นต้น ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวจีน อาจจะขึ้นอยู่กับนโยบายการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศของทางการจีน
สมมติฐานกรอบล่าง:
สถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ในต่างประเทศยังไม่ดีขึ้น การใช้วัคซีนยังมีข้อจำกัดมาก ทำให้ทางการไทยยังต้องระมัดระวังในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่มองว่าทางการยังคงมีแนวทางที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่แต่เป็นแบบเฉพาะกลุ่มและเฉพาะประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น กลุ่มท่องเที่ยวเชิงกีฬาอย่างกอล์ฟ และกลุ่ม Wellness
ภายใต้สมมติฐานนี้ คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2564 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 4.5 ล้านคน ขณะที่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.4 แสนล้านบาท โดยกรณีนี้มองว่าน่าจะเห็นการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2564
ทั้งนี้ ปี 2562 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยอยู่ 39.9 ล้านคน และมีการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวคิดเป็นมูลค่า 1.9 ล้านล้านบาท
สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2564 ที่ยังอยู่ในระดับต่ำนั้น ยังมีปัจจัยอื่นๆ ประกอบ แม้ว่าในระยะข้างหน้าประเทศไทยจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นก็ตา ม แต่การเดินทางระหว่างประเทศยังต้องขึ้นอยู่กับนโยบายการผ่อนคลายการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศเช่นกัน
ซึ่งบางประเทศเปิดให้เดินทางท่องเที่ยวไปยังเฉพาะประเทศที่ทางการแต่ละประเทศกำหนด ประกอบกับความต้องการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในปี 2564 นั้น ยังมีข้อจำกัด ซึ่งเป็นผลจากนักท่องเที่ยวยังมีความกังวลที่จะเดินทางท่องเที่ยวในช่วงที่ยังมีการระบาดของไวรัส
และการท่องเที่ยวต่างประเทศยังมีค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวต่อทริปที่สูง จากค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกิดขึ้น เช่น ค่าตรวจร่างกายก่อนการเดินทาง และค่าใช้จ่ายประกันสุขภาพ เป็นต้น ทำให้การเดินทางยังจำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง
ขณะที่กลุ่มกำลังซื้อปานกลาง-ล่างน่าจะยังไม่ฟื้น อีกทั้งปริมาณการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่ยังต่ำ ส่งผลให้เส้นทางการบินยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในอุปสรรคของการเดินทางท่องเที่ยว
โดยสรุป การประเมินสถานการณ์ของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2564 นี้ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยแวดล้อมของตลาดการท่องเที่ยวที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งยังต้องขึ้นอยู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด 19 ในหลายๆ ประเทศและผลของการใช้วัคซีน ซึ่งปัจจัยสำคัญทั้ง 2 ประการนี้ จะมีผลต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อาจจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นหรืออาจ จะต่ำกว่าในปี 2563
อย่างไรก็ดี ธุรกิจในห่วงโซ่ของภาคการท่องเที่ยวยังต้องเผชิญกับความยากลำบากต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่เน้นการทำตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้ต้องปรับแนวทางการทำธุรกิจ ซึ่งผู้ประกอบการบางรายเลือกที่จะปิดกิจการชั่วคราว ขณะที่ผู้ประกอบการบางรายที่จำเป็นต้องเปิดให้บริการก็ปรับกลยุทธ์การตลาดเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวไทย หรือธุรกิจโรงแรมและที่พักต้องปรับเป็นรูปแบบการให้บริการที่พักแบบระยะยาว การเข้าร่วมโปรแกรม ASQ เพื่อเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้
อย่างไรก็ดี ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น อาทิ มาตรการสินเชื่อเพิ่มเติม และการหาแนวทางความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนเพื่อรับซื้อสินทรัพย์มาพักชั่วคราว (Asset Warehousing)
แผนการตลาดเพื่อดึงชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางมาพำนักระยะยาวในไทยมากขึ้น การร่วมมือกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ในการจองห้องพักจัดทำแพ็กเกจเพื่อการกักตัว หรือ ASQ และมาตรการกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่าทางการอาจจะพิจารณามาตรการอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ การมีศูนย์ประสานงานในการประชาสัมพันธ์ในต่างประเทศ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับรายละเอียดมาตรการการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย เนื่องจากปัจจุบันข้อมูลบนโลกออนไลน์อาจยังมีความสับสน
รวมทั้ง การจัดแผนกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวในประเทศอย่างเข้มข้น เช่น การเพิ่มความถี่ในการจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ โดยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน และการเพิ่มสิทธิพิเศษทางภาษี เช่น การนำค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวมาหักลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เป็นต้น
รวมถึงมาตรการทางการเงินในการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวขนาดเล็กและท่องเที่ยวชุมชน เช่น ปางช้าง บริษัททัวร์ และแรงงานท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งอยู่ในปลายห่วงโซ่ของการท่องเที่ยว ให้สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือทางด้านการเงินของภาครัฐ
บทวิเคราะห์โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย