Salad Factory กำลังติดปีกด้วย เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป

หลังจากที่บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ CRG ได้ร่วมทุนกับ Salad Factory
เมื่อปลายปี 2019 ภายใต้ชื่อบริษัท กรีน ฟู้ด แฟคทอรี่ จำกัด โดย CRG เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 51:49
หลังจากนั้น Salad Factory ก็มีแนวทางที่ชัดเจนในการขยายโมเดลธุรกิจ

ซึ่งดูเหมือนว่า CRG กำลังติดปีกให้ Salad Factory เติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต

โดยล่าสุด Salad Factory ได้เปิดแฟลกชิพสโตร์สาขาใหม่ย่านอารีย์
ซึ่งสาขานี้เป็นสาขา Stand Alone สาขาแรก

คุณปิยะ ดั่นคุ้ม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรีน ฟู้ด แฟคทอรี่ จำกัด
ได้พูดถึงจุดเริ่มต้นที่มาเปิดสาขาอารีย์ว่า “จริงๆ แล้ว ก่อนหน้านั้น Salad Factory ตั้งใจให้สาขาอารีย์ เป็น Cloud Kitchen เพื่อตอบรับตลาด Delivery ที่มีดีมานด์สูงในช่วงวิกฤติโควิด

แต่หลังจากที่ได้ฟีดแบคจากลูกค้า ว่าอยากนั่งทานที่ร้าน จึงปรับเปลี่ยนให้ Salad Factory สาขาอารีย์กลายเป็นแฟลกชิพสโตร์สาขาล่าสุด

ทำให้ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 10 สาขา เป็นร้านแบบ Full Service 9 สาขา และ Cloud Kitchen 1 สาขา

การตัดสินใจเปิดร้านแบบ Stand Alone คือการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เช่น ลูกค้ากลุ่มที่ใหญ่กว่า Family หรือ ลูกค้ากลุ่มจัดเลี้ยง ด้วยพื้นที่ร้านประมาณ 150 ตารางแเมตร ทำให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้ารูปแบบใหม่ได้

บวกกับการเล็งเห็นศักยภาพของพื้นที่ย่านอารีย์ ที่เป็นศูนย์รวม Mixed-use เป็น Destination ด้านไลฟ์สไตล์และการท่องเที่ยว อีกทั้งยังเป็นแหล่งดึงดูด Café Hopper ซึ่งทุกกลุ่มเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างมีกำลังซื้อสูง

ในด้านโมเดลธุรกิจหลังจากที่ผ่านช่วงวิกฤติโควิดมาได้สักระยะ คุณปิยะ ได้ให้แนวคิดที่น่าสนใจว่า
การทำร้านอาหาร ถ้าเรามีโมเดลเดียว จะมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นแผนระยะยาว คือการปรับโมเดลธุรกิจให้มีความหลากหลาย และกระจายความเสี่ยงไปในโมเดลอื่นๆ นั่นคือ

-Full Service ที่เป็นโมเดลหลัก
-Kiosk ธุรกิจตู้คิออสก์
-Grab and Go การแตกไลน์ธุรกิจมาทำชุดสลัดหรือแซนวิชที่สะดวกต่อการซื้อ
-Cloud Kitchen ครัวกลางที่สร้างไว้ใช้บริหารจัดการวัตถุดิบ และการรองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นของสาขาในอนาคต

โดยสัดส่วน Salad Factory ในแต่ละสาขา แต่เดิมคือนั่งทานที่ร้าน 90% และดิลิเวอรี 10% จะถูกปรับให้เป็นนั่งทานที่ร้าน 70% และดิลิเวอรี 30%

ด้านคอนเซ็ปต์ร้าน Salad Factory พยายามเปลี่ยนความเข้าใจใหม่ให้คำว่า Healthy Food กลายเป็น Casual Healthy Food ที่เข้าถึงง่าย มีทั้งความอร่อยจากวัตถุดิบคุณภาพ ในราคาที่เข้าถึงได้และสามารถทานได้ทุกวัน

โดยใช้ “หมีแข็งแรง” Brand Icon ใหม่ ที่สื่อถึงความสบายๆ เป็นกันเอง และคุ้มค่าแบบอิ่มหมีพลีมัน หลังจากที่ได้เข้ามาสัมผัสรสชาติอาหารและบรรยากาศของร้าน

และจากการร่วมทุนกับ CRG
ทาง CRG ได้เข้ามาซัพพอร์ตจุดอ่อนของ Salad Factory ในเรื่องการก่อสร้าง, ซ่อมบำรุง, การเก็บข้อมูลบัญชี, การจัดการฐานข้อมูลลูกค้า และการหาทีมงานคุณภาพมาร่วมงานด้วย เป็นต้น

อีกทั้งยังมีการขยายครัวกลางจากเดิมที่ตั้งอยู่ที่เมืองทองธานี เพิ่มครัวกลางใหม่ที่จังหวัดปทุมธานี โดยใช้พื้นที่ 4 ไร่กับเงินลงทุน 40 ล้าน

โดยเป้าหมายคือการขยาย 5 สาขาต่อปี และตั้งเป้ารายได้ไว้ 30-40 ล้านบาทต่อปี

หลายคนอาจอาจเข้าใจว่า Salad Factory คือร้านที่มีแต่สลัด แต่จริงๆ แล้วทางร้านมีอาหารให้เลือกกว่า 200 เมนู โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ประมาณ 200-300 บาทต่อคน

ซึ่งความพิเศษของ Salad Factory สาขาอารีย์คือเมนูพิเศษ 3 อย่างคือ ซี่โครงเนื้อออสเตรเลียย่างซอสบาร์บีคิว Jack Daniel, ขาหมู 24 ชั่วโมง และสลัดตับกระเทียมแฟคทอรี่ซอสบัลซามิก..