IMF ระบุ หากทุกคนเข้าถึงวัคซีนโควิดได้ มูลค่าเศรษฐกิจโลกจะเพิ่มขึ้น 280 ล้านล้านบาท
16 ต.ค. 2020
ในการแถลงข่าวหลังการประชุมคณะกรรมการ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
Kristalina Georgieva กรรมการผู้จัดการของ IMF กล่าวว่า
ความร่วมมือระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งในเรื่องของการพัฒนาวัคซีน COVID-19
จะช่วยเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ทั่วโลกได้ 9 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 281 ล้านบาท) ภายในปี 2568
Kristalina Georgieva กรรมการผู้จัดการของ IMF กล่าวว่า
ความร่วมมือระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งในเรื่องของการพัฒนาวัคซีน COVID-19
จะช่วยเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ทั่วโลกได้ 9 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 281 ล้านบาท) ภายในปี 2568
ซึ่งเธอเน้นย้ำว่า ต้องกระจายวัคซีนให้ได้อย่างเท่าเทียมกันทั่วโลก
ทั้งในประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาแล้ว
เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเดินทาง การลงทุนเกี่ยวกับการค้า และกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ
ทั้งในประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาแล้ว
เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเดินทาง การลงทุนเกี่ยวกับการค้า และกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ
นอกจากนี้ Georgieva ได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ และจีน
คอยติดตามมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
เพราะมีผลต่อการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลก
คอยติดตามมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
เพราะมีผลต่อการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลก
“เราต้องการความร่วมมือระหว่างประเทศที่เข้มแข็ง
การพัฒนาและการกระจายวัคซีน คือ เรื่องสำคัญและเร่งด่วนที่สุดในวันนี้” เธอกล่าว
การพัฒนาและการกระจายวัคซีน คือ เรื่องสำคัญและเร่งด่วนที่สุดในวันนี้” เธอกล่าว
โอกาสในการเข้าถึงการรักษาและการได้รับวัคซีนป้องกัน COVID-19 อย่างเท่าเทียมกันทั่วโลก ในราคาที่ไม่แพง จะเป็นกุญแจสำคัญในการหลีกเลี่ยงรอยแผลของเศรษฐกิจโลก
Georgieva ยังกล่าวอีกว่า เมื่อต้นปี มีการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ราว 3 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 94 ล้านล้านบาท) ซึ่งถือเป็นตัวกระตุ้นเชิงบวก และอยากจะติดตามต่อว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร
ซึ่งในตอนนี้รัฐสภาสหรัฐฯ และทำเนียบขาว
ก็เห็นพ้องต้องกันว่าจะออกแพ็กเกจอื่นๆเพิ่มเติม แต่ยังไม่ระบุเวลาที่แน่ชัด
ก็เห็นพ้องต้องกันว่าจะออกแพ็กเกจอื่นๆเพิ่มเติม แต่ยังไม่ระบุเวลาที่แน่ชัด
ทั้งนี้ การประชุม G20 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ได้เห็นชอบอนุมัติให้ขยายเวลาโครงการระงับการชำระหนี้ ให้แก่ประเทศที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ในโครงการ Debt Service Suspension Initiative (DSSI) ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง เพื่อระงับการชำระหนี้ให้แก่ประเทศที่มีประวัติดี ไปถึงกลางปี 2564